ที่ โรงแรมเชียงใหม่ออคิด อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ นางธนภรณ์ พรมสุวรรณ อธิบดีกรมกิจการผู้สูงอายุ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เป็นประธานเปิดโครงการเสริมสร้างองค์ความรู้ พัฒนาศักยภาพ และเสริมสร้างความเข้มแข็งให้ชมรม องค์กรผู้สูงอายุ และภาคีเครือข่ายที่ขอรับการสนับสนุนโครงการที่เป็นประโยชน์ต่อผู้สูงอายุ พร้อมรณรงค์บริจาคเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ เพื่อนำเข้ากองทุนผู้สูงอายุ และมอบของขวัญผู้สูงอายุยืน...เยาว์ ก่อนรับมอบเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ จากเจ้าดวงเดือน ณ เชียงใหม่ เจ้าภาคินัย ณ เชียงใหม่ เจ้าเพ็ญฉาย สิโรรส เจ้าพรทิพย์ ณ เชียงใหม่ และนาย เยี่ยม กาวิละเวศ เพื่อเข้ากองทุนผู้สูงอายุ ภายใต้คำขวัญ "เบี้ยเพิ่มทุน บุญเพิ่มโอกาส" มีนาย ไพฑูรย์ พัชรอาภา ผู้อำนวยการศูนย์พัฒนาการจัดสวัสดิการสังคมผู้สูงอายุบ้านธรรมปกรณ์ เชียงใหม่ นายแพทย์ พงษ์ศิริ ปรารถนาดี ประธานสาขาสมาคมสภาผู้สูงอายุแห่งประเทศไทย จังหวัดเชียงใหม่ พร้อมข้าราชการ เจ้าหน้าที่และผู้สูงอายุเข้าร่วม 100 คน
นางธนภรณ์ กล่าวว่า มีผู้สูงอายุทั่วประเทศ 8 ล้านคน แต่ลงทะเบียนรับ เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ 3 ล้านคน ส่วนผู้ที่ไม่ลงทะเบียนอีก 5 ล้านคน มีเป้าหมายรับบริจาคเบี้ยผู้สูงอายุ เพื่อนำเข้ากองทุนผู้สูงอายุ จำนวน 50,000 คน คิดเป็น 1 % ของผู้สูงอายุทั้งหมด รวมเบี้ยผู้สูงอายุกว่า 4,000 ล้านบาท/ปี โดยเปิดรับบริจาค วันที่ 1 ธันวาคม 2560 ซึ่งมีผู้บริจาครวม 300 รายแล้ว แต่ยังไม่เพียงพอ จึงต้องรณรงค์ขอรับบริจาคเพิ่ม เพื่อจุดประกายเพื่อนช่วยเพื่อน สังคมเกื้อกูล และแบ่งปันให้ขยายวงกว้างออกไปอีก ซึ่งปีนี้ รัฐบาลจัดสรรเบี้ยผู้สูงอายุ กว่า 64,000 ล้านบาท ตั้งแต่ 600-1,000บาท/เดือน ตามช่วงอายุ และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นทุกปี จึงมีมาตรการให้เงินยังชีพแก่ผู้สูงอายุที่มีรายได้น้อย ตามโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ ซึ่งมาจากภาษีสรรพสามิต อาทิ สุรา ยาสูบ ในอัตราร้อยละ 2 แต่ไม่เกิน 4,000 ล้านบาท/ปี และเงินบริจาคเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ พร้อมสำรวจผู้สูงอายุที่มีอายุ 100 ปีขึ้นไป พบว่ามีจำนวน 2,900 คน อายุมากสุดเป็นผู้หญิง ที่ จังหวัดปัตตานี อายุ 132 ปีแล้ว และมีแนวโน้มอายุเกิน 100 ปี เพิ่มขึ้นทุกปี ซึ่งผู้สูงอายุภาคเหนือ มีจำนวน 20 % ของประชากรทั้งหมด