ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กร & หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลัก ประกัน และแนวโน้ม “บ. น้ำตาลมิตรผล” ที่ “A+/Stable”

อังคาร ๒๐ กุมภาพันธ์ ๒๐๑๘ ๑๕:๓๕
ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันชุดปัจจุบันของ บริษัท น้ำตาลมิตรผล จำกัด ที่ระดับ "A+" โดยอันดับเครดิตสะท้อนถึงสถานะของบริษัทในการเป็นหนึ่งในผู้นำในอุตสาหกรรมน้ำตาลระดับโลก ตลอดจนแบรนด์สินค้าที่เป็นที่ยอมรับ กระบวนการผลิตน้ำตาลที่มีประสิทธิภาพ การกระจายตัวทางด้านการดำเนินงานในเชิงภูมิศาสตร์ และการมีแหล่งรายได้ที่หลากหลาย อย่างไรก็ตาม อันดับเครดิตถูกลดทอนบางส่วนจากวัฏจักรของราคาน้ำตาล ตลอดจนความผันผวนของปริมาณผลผลิตอ้อย และการปรับโครงสร้างของอุตสาหกรรมน้ำตาลในประเทศ

ประเด็นสำคัญที่กำหนดอันดับเครดิต

ผู้นำในอุตสาหกรรมน้ำตาล

บริษัทน้ำตาลมิตรผลเป็นผู้ผลิตน้ำตาลรายใหญ่ที่สุดในทวีปเอเชียและเป็น 1 ใน 5 ของกลุ่มผู้ผลิตน้ำตาลรายใหญ่ของโลก ในฤดูการผลิต 2559/2560 บริษัทมีผลผลิตน้ำตาลรวมทั้งสิ้น 3.47 ล้านตันจากปริมาณการผลิตน้ำตาลทั่วโลกที่ระดับ 171 ล้านตัน สำหรับโรงงานในประเทศไทยนั้น บริษัทเป็นผู้ผลิตน้ำตาลรายใหญ่ที่สุดของประเทศมานานโดยบริษัทผลิตน้ำตาลได้ 1.98 ล้านตัน หรือคิดเป็นสัดส่วน 19.7% ของปริมาณน้ำตาลทั้งประเทศในฤดูการผลิต 2559/2560 สำหรับในประเทศจีนนั้นบริษัทเป็นผู้ผลิตน้ำตาลรายใหญ่อันดับที่ 4 ของประเทศ มีส่วนแบ่งทางการตลาดประมาณ 10% และมีปริมาณการผลิตน้ำตาล 0.91 ล้านตัน นอกจากนี้ บริษัทยังเป็นผู้ผลิตน้ำตาลรายใหญ่ในประเทศออสเตรเลียอีกด้วยโดยมีปริมาณการผลิต 0.53 ล้านตัน

กำไรที่ผันผวนจากความไม่แน่นอนของปริมาณอ้อยและราคาน้ำตาล

เนื่องจากรายได้ของบริษัทประมาณ 80% มาจากธุรกิจน้ำตาล ผลการดำเนินงานของบริษัทจึงผันผวนตามราคาน้ำตาลและปริมาณอ้อย ทั้งนี้ ราคาน้ำตาลที่อยู่ในระดับสูงในช่วงต้นปี 2560 และการที่บริษัททำสัญญาขายน้ำตาลล่วงหน้าในราคาที่สูงจากปีก่อนหน้าช่วยให้ผลประกอบการของบริษัทในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2560 ปรับตัวดีขึ้นมาก โดยรายได้ของบริษัทเพิ่มขึ้น 17.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน มาอยู่ที่ 78,270 ล้านบาทในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2560 อัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานก่อนค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายของบริษัทต่อรายได้รวมซึ่งรวมกำไรหรือขาดทุนจากการซื้อขายน้ำตาลล่วงหน้าปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็น 21.9% ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2560 จาก 15.4% ในช่วงเดียวกันของปีก่อน รายได้และความสามารถในการทำกำไรที่เพิ่มขึ้นมาจากธุรกิจน้ำตาล ทั้งจากธุรกิจน้ำตาลในประเทศจีนและไทย ในขณะที่ธุรกิจเอทานอลและธุรกิจผลิตไฟฟ้าได้รับผลกระทบจากการเพิ่มขึ้นของต้นทุนเชื้อเพลิงเนื่องจากปริมาณอ้อยที่ลดลงทำให้เชื้อเพลิงในฤดูการผลิต 2559/2560 ไม่เพียงพอต่อการผลิต กำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) ของบริษัทเพิ่มขึ้น 62.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน มาอยู่ที่ 18,634 ล้านบาทในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2560 ในขณะเดียวกัน เงินทุนจากการดำเนินงานก็เพิ่มขึ้น 67.3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนโดยมาอยู่ที่ 14,671 ล้านบาท

การกระจายตัวทางภูมิศาสตร์ช่วยลดความผันผวนลงบางส่วน

ปัจจุบันบริษัทน้ำตาลมิตรผลมีโรงงานน้ำตาลในประเทศไทย จีน ลาว และออสเตรเลีย จากโรงงานทั้งหมดดังกล่าว บริษัทมีผลผลิตน้ำตาลรวมทั้งสิ้น 3.47 ล้านตันในฤดูการผลิต 2559/2560 ซึ่งมากกว่าครึ่งหนึ่ง (57%) ของผลผลิตรวมมาจากการผลิตในประเทศไทย อีก 26% มาจากการผลิตในประเทศจีน และ15% มาจากฐานการผลิตในประเทศออสเตรเลีย และส่วนที่เหลือ (1%) เป็นการผลิตในประเทศลาว การกระจายตัวทางด้านการดำเนินงานในเชิงภูมิศาสตร์มีส่วนช่วยลดความ

ผันผวนของกำไรได้ในระดับหนึ่ง โดยในปี 2558-2559 ผลการดำเนินงานในประเทศจีนที่ปรับตัวดีขึ้นจากการเพิ่มขึ้นของราคาน้ำตาลในประเทศจีนเมื่อบวกกับระดับต้นทุนค่าอ้อยที่ไม่สูงนักได้ช่วยลดผลกระทบจากธุรกิจน้ำตาลในประเทศไทยที่อ่อนแอลง ส่งผลให้ EBITDA ของบริษัทลดลงเพียงเล็กน้อยมาอยู่ที่ 13,787 ล้านบาทในปี 2559 จากระดับ 15,807 ล้านบาทในปี 2558 และ 14,803 ล้านบาทในปี 2557 ในขณะที่ผู้ผลิตน้ำตาลในประเทศไทยส่วนใหญ่มี EBITDA ที่ลดลงราว ๆ 20%-50% ในปี 2558 และปี 2559

รายได้จากธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับน้ำตาลช่วยกระจายความเสี่ยง

นอกเหนือจากธุรกิจน้ำตาลแล้ว บริษัทยังขยายการลงทุนไปยังธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับอ้อยและน้ำตาล เช่น ธุรกิจผลิตไฟฟ้าและธุรกิจผลิตเอทานอล เพื่อใช้ประโยชน์สูงสุดจากอ้อยอีกด้วย ปัจจุบันบริษัทมีกำลังการผลิตติดตั้งรวมของโรงไฟฟ้าเท่ากับ 542.8 เมกะวัตต์และมีกำลังการผลิตเอทานอลอยู่ที่ 1.46 ล้านลิตรต่อวัน รายได้จากธุรกิจพลังงาน (ไฟฟ้าและเอทานอล) ของบริษัทเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจาก 6,783 ล้านบาทในปี 2555 เป็น 11,636 ล้านบาทในปี 2559 และในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2560 บริษัทมีรายได้จากธุรกิจพลังงานเพิ่มขึ้น 13.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนโดยมาอยู่ที่ระดับ 10,345 ล้านบาทจากการเพิ่มโรงไฟฟ้าและการเติบโตของปริมาณการใช้เอทานอล ปัจจุบันบริษัทมีรายได้จากการขายไฟฟ้าและเอทานอลคิดเป็น 13% ของรายได้รวม ในอนาคตข้างหน้ารายได้ของบริษัทจากธุรกิจพลังงานจะยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจากการเพิ่มโรงไฟฟ้าตามแผนงานของบริษัท โดยในปี 2561 บริษัทจะมีรายได้จากการขายไฟฟ้าเพิ่มขึ้นจากโรงไฟฟ้าใหม่ ซึ่งมีสัญญาขายไฟฟ้า (Power Purchase Agreement – PPA) กับหน่วยงานราชการเพิ่มขึ้น 29% หรือเพิ่มขึ้น 58 เมกะวัตต์

ภาระหนี้อยู่ในระดับปานกลาง

อัตราส่วนการก่อหนี้ของบริษัทอยู่ในระดับปานกลาง โดยอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนทรงตัวอยู่ในระดับ 51%-53% ในช่วงปี 2557 จนถึงเดือนกันยายน 2560 ทั้งนี้ ในช่วง 3 ปีข้างหน้าคาดว่าบริษัทจะใช้งบลงทุนประมาณ 10,000-12,000 ล้านบาทต่อปีโดยเงินลงทุนส่วนใหญ่จะใช้ในการก่อสร้างโรงงานน้ำตาลแห่งใหม่ในจังหวัดอำนาจเจริญ รวมทั้งลงทุนในโรงไฟฟ้าของบริษัทอีกหลายแห่งทั้งในประเทศและต่างประเทศ แม้ว่าจะมีการลงทุนขนาดใหญ่ แต่ทริสเรทติ้งก็คาดว่าบริษัทจะสามารถบริหารจัดการให้อัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนอยู่ที่ระดับประมาณ 50% ในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า

กระแสเงินสดจากการดำเนินงานและสภาพคล่องอยู่ในระดับเพียงพอ

กระแสเงินสดส่วนเกินเพื่อรองรับการชำระหนี้ของบริษัทอยู่ในระดับที่ดี โดยอัตราส่วน EBITDA ต่อดอกเบี้ยจ่ายปรับตัวเพิ่มขึ้นเท่ากับ 8 เท่าในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2560 เทียบกับ 5-6 เท่าในปี 2557-2559 อัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อเงินกู้รวมก็ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 23% (ปรับเป็นอัตราส่วนเต็มปีด้วยผลการดำเนินงานย้อนหลัง 12 เดือน) ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2560 เพิ่มขึ้นจาก 17%-22% ในปี 2557-2559 ทางด้านการบริหารสภาพคล่อง ณ เดือนกันยายน 2560 บริษัทมีเงินกู้รวม 74,186 ล้านบาท ซึ่งประมาณ 3 ใน 4 เป็นเงินกู้ระยะยาวและหุ้นกู้ ส่วนที่เหลือ 1 ใน 4 เป็นเงินกู้ระยะสั้นสำหรับเป็นเงินทุนหมุนเวียนของบริษัท บริษัทมีเงินกู้ที่จะครบกำหนดชำระในปี 2561 ประมาณ 11,500 ล้านบาท (รวมตั๋วแลกเงินรวม 3,550 ล้านบาท) แม้จะมีแผนการใช้เงินลงทุนจำนวนมาก แต่บริษัทก็ยังคงมีความสามารถในการจัดการการชำระหนี้ที่ดี โดยมีเงินสดในมือและเงินลงทุนระยะสั้นจำนวนรวม 7,465 ล้านบาท ณ เดือนกันยายน 2560 และมี EBITDA ประมาณ 17,000 ล้านบาท รวมทั้งบริษัทยังมีความสามารถในการเข้าถึงตลาดทุนอีกด้วย

คาดว่าการแข่งขันจะเพิ่มสูงขึ้นภายหลังจากการยกเลิกระบบโควต้าในประเทศไทย

ภายหลังจากที่ประเทศบราซิลฟ้องร้องต่อองค์การการค้าโลก (WTO) เรื่องที่ประเทศไทยให้การอุดหนุนอุตสาหกรรมน้ำตาล รัฐบาลไทยจึงได้ออกประกาศมาตรา 44 เมื่อช่วงกลางเดือนมกราคม 2561 ที่ผ่านมาซึ่งส่งผลให้มีการยกเลิกระบบโควตาที่ใช้เดิมและยกเลิกการกำหนดราคาน้ำตาลแบบคงที่ภายในประเทศ ราคาน้ำตาลภายในประเทศจึงเปลี่ยนแปลงโดยอิงกับราคาน้ำตาลในตลาดโลกบวกส่วนเพิ่มสำหรับผู้ผลิตในประเทศไทย (ไทยพรีเมี่ยม) อย่างไรก็ตามการคำนวณค่าอ้อยยังคงอ้างอิงเกณฑ์ 70:30 ในระยะสั้นราคาขายน้ำตาลในประเทศหน้าโรงงานไม่เปลี่ยนแปลงจากเดิมมากนักภายหลังจากการลอยตัวราคาน้ำตาลในประเทศ ราคาขายปลีกในประเทศได้ปรับตัวลดลง 2-3 บาทต่อกิโลกรัมสอดคล้องกับเงินที่ต้องนำส่งเข้ากองทุนอ้อยและน้ำตาลทราย อย่างไรก็ตาม คาดว่าการแข่งขันสำหรับตลาดในประเทศจะเพิ่มขึ้นในระยะยาวจากการที่แต่ละโรงงานมีความต้องการเพิ่มส่วนแบ่งทางการตลาดในประเทศซึ่งโดยปกติจะมีราคาขายที่สูงกว่าตลาดส่งออก อย่างไรก็ตาม ทริสเรทติ้งมีมุมมองว่าบริษัทจะยังคงมีความได้เปรียบในการแข่งขันแม้ว่าการแข่งขันจะเพิ่มสูงขึ้น เนื่องจากบริษัทมีฐานการผลิตที่มีขนาดใหญ่ ประสิทธิภาพในการผลิตที่ดี มีสินค้าและช่องทางการจัดจำหน่ายที่ครอบคลุมทุกตลาด รวมทั้งการมีตราสินค้าที่เป็นที่รู้จักเป็นอย่างดี

แนวโน้มอันดับเครดิต

แนวโน้มอันดับเครดิต "Stable" หรือ "คงที่" สะท้อนถึงการคาดการณ์ของทริสเรทติ้งว่าบริษัทน้ำตาลมิตรผลจะยังคงดำรงสถานะผู้นำในอุตสาหกรรมน้ำตาลทั้งในประเทศไทยและจีนได้ต่อไป โดยที่บริษัทจะยังคงรักษาความได้เปรียบในการแข่งขันเอาไว้ได้แม้จะมีการเปิดเสรีอุตสาหกรรมน้ำตาลในประเทศไทยก็ตาม

ภายใต้สมมติฐานพื้นฐานของทริสเรทติ้งคาดว่า EBITDA ของบริษัทจะลดลงอยู่ที่ระดับประมาณ 17,000 ล้านบาทในปี 2561 ตามราคาน้ำตาลในตลาดโลกที่ตกต่ำและ จะเพิ่มขึ้นไปอยู่ที่ระดับประมาณ 21,000 ล้านบาทต่อปีตามวัฏจักรของราคาน้ำตาล เงินทุนจากการดำเนินงานคาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 13,000 ล้านบาทในปี 2561 เพิ่มขึ้นเป็น 16,000 ล้านบาทในปี 2563 เมื่อพิจารณาจากระดับกระแสเงินสดและเงินลงทุนของบริษัทตามที่ประมาณการแล้วคาดว่าบริษัทจะยังคงบริหารจัดการโครงสร้างเงินทุนให้อยู่ในระดับปานกลาง ทั้งนี้ ในช่วง 3 ปีข้างหน้าคาดว่าอัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อเงินกู้รวมจะอยู่ในระดับ 18%-24% และอัตราส่วน EBITDA ต่อดอกเบี้ยจ่ายจะอยู่ในระดับ 5-6 เท่า

ปัจจัยที่อาจทำให้อันดับเครดิตเปลี่ยนแปลง

อันดับเครดิตหรือแนวโน้มอันดับเครดิตของบริษัทมีโอกาสปรับลดลงหากผลการดำเนินงานของบริษัทและสถานะทางการตลาดของบริษัทอ่อนแอกว่าที่คาดหมายไว้จนส่งผลให้ความสามารถในการชำระหนี้ลดลงอย่างต่อเนื่อง การลงทุนขนาดใหญ่ที่จะทำให้อัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนของบริษัทอ่อนแอลงก็เป็นปัจจัยที่มีผลในเชิงลบต่ออันดับเครดิตด้วยเช่นกัน ในทางตรงกันข้าม การปรับเพิ่มอันดับเครดิตอาจเกิดขึ้นได้หากสถานะทางการเงินของบริษัทมีความแข็งแกร่งขึ้นเป็นอย่างมากอย่างต่อเนื่อง

บริษัท น้ำตาลมิตรผล จำกัด (MPSC)

<tr><td height="19" valign="middle" width="84%">อันดับเครดิตองค์กร:

</td><td height="19" valign="middle" width="16%">

</td></tr><tr></tr><td height="19" valign="middle" colspan="2"></td>อันดับเครดิตตราสารหนี้:

<tr></tr><td height="19" valign="middle" width="84%"></td>MPSC185A:หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 700 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2561

<td height="19" valign="middle" width="16%">

</td><tr><td height="19" valign="middle" width="84%">MPSC18OA:หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 2,150 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2561</td><td height="19" valign="middle" width="16%">A+</td></tr><tr><td height="19" valign="middle" width="84%">MPSC199A:หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 900 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2562</td><td height="19" valign="middle" width="16%">A+</td></tr><tr><td height="19" valign="middle" width="84%">MPSC199B:หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,900 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2562</td><td height="19" valign="middle" width="16%">A+</td></tr><tr><td height="19" valign="middle" width="84%">MPSC209A:หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,300 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2563</td><td height="19" valign="middle" width="16%">A+</td></tr><tr><td height="19" valign="middle" width="84%">MPSC20OA:หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2563</td><td height="19" valign="middle" width="16%">A+</td></tr><tr><td height="19" valign="middle" width="84%">MPSC20OB:หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,850 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2563</td><td height="19" valign="middle" width="16%">A+</td></tr><tr><td height="19" valign="middle" width="84%">MPSC219A:หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 2,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2564</td><td height="19" valign="middle" width="16%">A+</td></tr><tr><td height="19" valign="middle" width="84%">MPSC21OA:หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 2,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2564</td><td height="19" valign="middle" width="16%">A+</td></tr><tr><td height="19" valign="middle" width="84%">MPSC229A:หุ้นกู้ ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 2,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2565</td><td height="19" valign="middle" width="16%">A+</td></tr><tr><td height="19" valign="middle" width="84%">MPSC22OA:หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 2,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2565</td><td height="19" valign="middle" width="16%">A+</td></tr><tr><td height="19" valign="middle" width="84%">MPSC233A:หุ้นกู้ ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 2,500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2566</td><td height="19" valign="middle" width="16%">A+</td></tr><tr><td height="19" valign="middle" width="84%">MPSC249A:หุ้นกู้ ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 3,200 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2567</td><td height="19" valign="middle" width="16%">A+</td></tr><tr><td height="19" valign="middle" width="84%">MPSC256A:หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 2,400 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2568</td><td height="19" valign="middle" width="16%">A+</td></tr><tr><td height="19" valign="middle" width="84%">MPSC259A:หุ้นกู้ ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2568</td><td height="19" valign="middle" width="16%">A+</td></tr><tr><td height="19" valign="middle" width="84%">MPSC26DA:หุ้นกู้ ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,900 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2569</td><td height="19" valign="middle" width="16%">A+</td></tr><tr><td height="19" valign="middle" width="84%">MPSC28DA:หุ้นกู้ ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 2,200 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2571</td><td height="19" valign="middle" width="16%">A+</td></tr><tr><td height="19" valign="middle" width="84%">MPSC186A:หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 126 ล้านหยวน ไถ่ถอนปี 2561</td><td height="19" valign="middle" width="16%">

</td></tr><tr><td height="19" valign="middle" width="84%">แนวโน้มอันดับเครดิต:</td><td height="19" valign="middle" width="16%">Stable</td></tr>

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๖:๕๐ รีเลชั่นชิพรีพับบลิค แนะกลยุทธ์สำคัญ นำพาธุรกิจร้านอาหารสู่ความสำเร็จ มัดใจลูกค้าให้อยู่หมัด
๑๖:๑๔ ชมนวัตกรรมสุดล้ำในงาน METALEX 2024 หลายแบรนด์แกะกล่องเครื่องจักรครั้งแรกในงานนี้
๑๖:๑๓ Bangkok Illustration Fair 2024 สู่การเติบโตก้าวใหญ่ในปีที่ 4
๑๖:๑๐ ผลการจัดอันดับขีดความสามารถในการแข่งขันด้านดิจิทัลโดย IMD ประจำปี 2567 TMA เผยไทยครองอันดับ 37 ในการจัดอันดับด้านดิจิทัลปีนี้
๑๖:๕๒ โก โฮลเซลล์ จัดเต็มสินค้า ส่งสุข สุดอร่อย เฉลิมฉลองเทศกาลส่งท้ายปี เข้มกระเช้าปีใหม่ดีมีมาตรฐาน พร้อมชู อาหารแช่แข็ง-อาหารสด
๒๒ พ.ย. กทม. จับมือสถานทูตเนเธอร์แลนด์ ประจำประเทศไทย จัดประชุมเชิงปฏิบัติการ ACTIVE Workshop เมืองเดินเท้า และจักรยานสัญจร ครั้งที่
๒๒ พ.ย. สัมผัสความหรูหราของวิลล่าริมทะเล VEYLA NATAI RESIDENCES ผ่านประสบการณ์เหนือระดับในงาน SOUL of VEYLA
๒๒ พ.ย. 'แอสเซทไวส์' จับมือ 'สยามกีฬา' เปิดศึกลูกหนังยุวชนทัวร์นาเมนต์ใหญ่แห่งปี AssetWise Siamkeela Cup 2024-25 ต่อเนื่องเป็นปีที่
๒๒ พ.ย. โรงแรมเรเนซองส์ เปิดตัว R FINDS แพลตฟอร์มดิจิทัลระดับโลก ที่จะเชื่อมมนต์เสน่ห์ชุมชนท้องถิ่นสู่นักเดินทางทั่วโลก
๒๒ พ.ย. electric.neon.lamp หยิบเพลงฮิต แม้ ใส่ฟีลดนตรีเหงาปนเศร้าในแบบ Piano Version