ผลการดำเนินงาน ปตท. 2560 มุ่งพัฒนาธุรกิจแบบมีส่วนร่วมสู่ความยั่งยืน

พุธ ๒๑ กุมภาพันธ์ ๒๐๑๘ ๑๖:๓๐
นายเทวินทร์ วงศ์วานิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (ปตท.) เปิดเผยผลประกอบการของ ปตท. ปี 2560 มีรายได้จากการขายและให้บริการรวม 1.559 ล้านล้านบาท มีกำไรจากการดำเนินงาน 74,552 ล้านบาท และเมื่อรับรู้ผลกำไรของบริษัทในกลุ่มตามสัดส่วนการถือหุ้นอีก 60,628 ล้านบาท ทำให้งบการเงินรวมของ ปตท. และบริษัทย่อยมีรายได้รวม 1.996 ล้านล้านบาท (เพิ่มขึ้นจากปีก่อนร้อยละ 16.1) และมีกำไรสุทธิรวม 135,180 ล้านบาท (เพิ่มขึ้นจากปีก่อนร้อยละ 42.9) คิดเป็นกำไร 46.74 บาทต่อหุ้น

ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ผลการดำเนินงานของ ปตท. และบริษัทในกลุ่มดีขึ้น ได้แก่

- ราคาน้ำมันดิบสูงขึ้น น้ำมันดิบดูไบเฉลี่ยเพิ่มขึ้นจาก 41.3 เป็น 53.2 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล (เพิ่มขึ้นร้อยละ 28.8)

- ส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์น้ำมันและปิโตรเคมีเพิ่มขึ้น จากสภาวะเศรษฐกิจโลกที่ดีขึ้น

- เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน (productivity improvement) สร้างกำไรก่อนหักดอกเบี้ยและภาษี (EBIT) สูงถึง 3.0 หมื่นล้านบาท ทั้งการเพิ่มรายได้และลดค่าใช้จ่ายดำเนินการและค่าใช้จ่ายลงทุน

- รับเงินปันผลและกำไรจากการจำหน่ายหน่วยลงทุนได้แก่ หน่วยลงทุนในกองทุนดัชนีพลังงานและปิโตรเคมี (EPIF) และหุ้น SPRC รวม 6.8 พันล้านบาท

- เงินบาทแข็งค่าในช่วงปลายปี ทำให้มีกำไรทางบัญชีจากอัตราแลกเปลี่ยน 1.37 หมื่นล้านบาท

ผลประกอบการที่ดีขึ้นจึงเป็นผลมาจากเศรษฐกิจโลกที่ดีขึ้นและการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของทั้งกลุ่ม ปตท. ประสบผลสำเร็จ เห็นได้จากการเดินเครื่องของทุกหน่วยการผลิตสูงขึ้น โดยไม่มีการหยุดชะงักที่สำคัญ แม้ว่าค่าการตลาดการจำหน่ายผลิตภัณฑ์น้ำมันจะใกล้เคียงกับปีที่แล้ว และการบันทึกกำไรจากสต๊อกน้ำมันจะลดลงจากปีก่อน 9.1 พันล้านบาท โดย ปตท. จะเสนอที่ประชุมผู้ถือหุ้นเพื่อจ่ายเงินปันผลรวมสำหรับผลการดำเนินงานปี 2560 ในอัตรา 20 บาทต่อหุ้น ซึ่งกระทรวงการคลังที่เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่และกองทุนวายุภักษ์จะได้รับเงินปันผลรวมประมาณ 3.67 หมื่นล้านบาท และเมื่อรวมกับภาษีเงินได้นิติบุคคลของ ปตท. และบริษัทในเครืออีกประมาณ 3.46 หมื่นล้านบาท รวมเป็นรายได้นำส่งรัฐจากกลุ่ม ปตท. สำหรับผลประกอบการปี 2560 รวมประมาณ 7.13 หมื่นล้านบาท

ผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่องใน 3 ปีที่ผ่านมา ปตท. ได้จัดทำแผนการลงทุน 5 ปี (2561-2565) ตาม กลยุทธ์ Do now (แผนระยะสั้นเพื่อสร้างความสามารถในการแข่งขัน) Decide Now (แผนระยะกลางเพื่อการเติบโต) Design Now (แผนระยะยาวเพื่อสร้าง New S-Curve) ในวงเงิน 3.4 แสนล้านบาท ครอบคลุมการขยายโครงสร้างพื้นฐานเพื่อสร้างความมั่นคงด้านพลังงาน ได้แก่ ระบบท่อส่งก๊าซธรรมชาติเส้นที่ 5 คลังรับก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) การปรับโครงสร้างธุรกิจค้าปลีก การขยายธุรกิจไปต่างประเทศ รวมทั้งการศึกษาธุรกิจใหม่ที่จะเป็น New S-Curve ในอนาคต อาทิ โครงการ Ethane Extraction โครงการความร่วมมือกับองค์การเภสัชกรรม และ Electricity Value Chain ซึ่งส่วนใหญ่จะอยู่ในพื้นที่ EEC ตามนโยบายไทยแลนด์ 4.0 โดยได้เตรียมงบประมาณสำรองในส่วนนี้เพิ่มอีกประมาณ 2.4 แสนล้านบาท

ภายใต้หลักการดำเนินธุรกิจเพื่อการเติบโตในระยะยาว ปตท. ยังมุ่งเน้นการทำธุรกิจแบบมีส่วนร่วม (Inclusive Business) และดำเนินกิจการเพื่อสังคมอย่างจริงจังต่อเนื่อง โดยมีโครงการหลักที่ได้ดำเนินการ ได้แก่

- การจัดพื้นที่จำหน่ายสินค้าและผลผลิตทางการเกษตร อาทิ ข้าว ผลิตภัณฑ์จากยางพารา ณ สถานีบริการน้ำมัน ปตท. และพัฒนาไปสู่ศูนย์สินค้า Roadside Station ในพื้นที่ท่องเที่ยว

- การพัฒนาคุณภาพชีวิต เศรษฐกิจ ชุมชน อนุรักษ์วัฒนธรรมท้องถิ่น และแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมในพื้นที่คุ้ง บางกะเจ้า

- การสนับสนุนโรงเรียนกำเนิดวิทย์ (KVIS) และสถาบันวิทยสิริเมธี (VISTEC) ให้เป็นสถาบันการศึกษาและวิจัยชั้นนำของภูมิภาค

- การสนับสนุนการกีฬาและนักกีฬาไทย ให้สร้างชื่อเสียงและความภาคภูมิใจให้กับประเทศไทย

- การจัดตั้งวิสาหกิจเพื่อสังคม (Social Enterprise) ที่เชื่อมโยงการพัฒนาสังคมกับการดำเนินธุรกิจด้านต่างๆ ของกลุ่ม ปตท. อาทิ ร้านกาแฟอเมซอนของผู้พิการ

นอกจากนี้ ปตท. อยู่ระหว่างศึกษาการใช้ประโยชน์ความเย็นจากคลังรับ LNG เพื่อทำห้องเย็นสำหรับผลไม้ที่จังหวัดระยองอีกด้วย

"ปตท. จะมุ่งเพิ่มความสามารถในการแข่งขันเพื่อขยายธุรกิจทั้งในและต่างประเทศ พร้อมนำรายได้มาลงทุนโครงข่ายพลังงานและการสร้างมูลค่าเพิ่มอย่างต่อเนื่องเพื่อสร้างความมั่นคงและมั่งคั่งให้ประเทศ ขยายลงทุนด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อพัฒนาอุตสาหกรรมใหม่ในพื้นที่ EEC รองรับนโยบายไทยแลนด์ 4.0 โดยการลงทุนร่วมกับพันธมิตรและผู้ประกอบการรายย่อยที่จะเติบโตไปพร้อมกับ ปตท. ควบคู่กับการขยายธุรกิจเพื่อสังคมและสิ่งแวดล้อม ภายใต้การดำเนินธุรกิจที่ยึดหลักธรรมาภิบาล การกำกับดูแลกิจการที่ดี การทำงานที่โปร่งใส ตรวจสอบได้ เพื่อสร้างชื่อเสียงของแบรนด์ ปตท. ให้เป็นที่ยอมรับในสากลและเป็นสมบัติของชาติที่คนไทยภาคภูมิใจต่อไป" นายเทวินทร์ กล่าว

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๐๙:๕๕ ดร.เอ้ สุดยอดผู้นำด้าน AI เชื่อมั่น รพ.พระจอมเกล้าเจ้าคุณทหาร จะปฏิวัติการแพทย์ไทย ด้วย AI พร้อมความตั้งใจอันแน่วแน่
๐๙:๐๓ รมว.นฤมล ผลักดันกฎระเบียบว่าด้วยสินค้าที่ปลอดจากการตัดไม้ทำลายป่าของสหภาพยุโรป (EUDR)
๐๙:๑๖ เอ็ม บี เค เซ็นเตอร์ ร่วมกับ สภากาชาดไทย ชวนร่วมบริจาคโลหิต 26 ธันวาคมนี้ ชั้น 7 โซน A เพิ่มโลหิต เพิ่มชีวิต
๐๙:๔๗ มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง จัดเต็ม!! ลงพื้นที่เร่งลดความเหลื่อมล้ำ สร้างโอกาส สร้างชีวิตแก่ชาวหนองคายอย่างยั่งยืน
๐๙:๕๕ มูลนิธิอายิโนะโมะโต๊ะ ส่งมอบอาคารโรงอาหารอายิโนะโมะโต๊ะ ให้แก่ โรงเรียนบ้านดอนมะกอก จังหวัดสุราษฎร์ธานี
๐๙:๐๕ กทม. เข้มงวดโครงการก่อสร้างคอนโดฯ ในซอยสุขุมวิท 93 ปฏิบัติตามมาตรการ EIA
๐๙:๕๐ การเคหะแห่งชาติตั้งเป้าสร้างที่อยู่อาศัยรองรับสังคมผู้สูงอายุ
๐๙:๒๘ ทำอย่างไรจึงจะทำให้มีการใช้ generative AI มากขึ้น
๐๙:๔๐ NocNoc จับมือ กฟผ. ส่งความสุขปีใหม่ให้คนรักบ้าน มอบส่วนลดสินค้าประหยัดไฟเบอร์ 5 สูงสุด 500 บาท เมื่อช้อปผ่าน NocNoc Chat Shop ทัก-ช้อป-ลด เริ่ม 25 ธ.ค. 67
๐๙:๑๔ Warrior ตั้ม ศุภกิตติ์ หรือ ตั้ม โทมัส ทอม จากทีมมาสเตอร์ ดร.อั้ม อธิชาติ คว้าชัย The Social Warrior คนแรกของประเทศไทย