นางเสาวคุณ ครุจิตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สหไทย เทอร์มินอล จำกัด (มหาชน) หรือ PORT กล่าวว่า "ในปี 2560 บริษัทฯมีรายได้รวม 1,345 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 24.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรขั้นต้น 242 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 61.7 ล้านบาท ลดลงจาก 79.8 ล้านบาทในปีที่แล้ว สาเหตุหลักที่รายได้ของบริษัทฯที่เติบโตสูงขึ้น เนื่องจากมีปริมาณตู้สินค้าของลูกค้าเดิมและลูกค้าใหม่เพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนือง ยิ่งกว่านั้น บริษัทฯยังมีรายได้เพิ่มขึ้นจากธุรกิจคลังสินค้าและพื้นที่เก็บตู้สินค้า รวมถึงธุรกิจคลังสินค้าปลอดภาษี ( Free Zone Warehouse) ให้กับผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่รายหนึ่ง ในขณะที่ธุรกิจขนส่งสินค้าทางบก และ ธุรกิจรับจัดส่งสินค้าระหว่างประเทศ (Freight Forwarder) มีรายได้เพิ่มขึ้นเช่นกัน ในส่วนของกำไรลดลงเนื่องมาจากบริษัทฯในเครือที่เพิ่งเปิดดำเนินการซึ่งยังมีปริมาณตู้สินค้าเข้ามาใช้บริการไม่เต็มที่ จึงมีผลขาดทุน ขณะเดียวกัน บริษัทฯ มีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นจากการขยายพื้นที่ท่าเรือและธุรกิจที่เกี่ยวข้อง เพื่อรองรับการเติบโตของธุรกิจ
อย่างไรก็ดี บริษัทฯมีความมั่นใจว่า ด้วยกลยุทธ์การสร้างการเติบโตให้ธุรกิจท่าเรือและโลจิสติกส์แบบครบวงจรอย่างมั่นคง ด้วยการเพิ่มลูกค้ารายใหม่ๆ ซึ่งล่าสุดบริษัทฯได้เซ็นสัญญากับสายการเดินเรือระดับโลก MCC ในกลุ่ม Maersk Line มาใช้บริการของท่าเรือสหไทย อีก 1 รายทำให้ปัจจุบัน บริษัทฯมีสายเรือระดับโลกมากกว่า 10 รายมาใช้บริการท่าเทียบเรือและบริการที่เกี่ยวข้องเช่น บริการขนถ่ายตู้สินค้า บริการซ่อมบำรุงตู้สินค้า บริการขนส่งตู้สินค้าทางบกและทางน้ำ และบริการคลังสินค้า ซึ่งเป็นจุดเด่นที่แตกต่าง สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าทุกกลุ่มได้ครบถ้วนมากกว่า โดยมี สินค้าส่งออก อาทิ กลุ่มสินค้าเกษตร เคมีภัณฑ์ และเหล็ก ส่วนสินค้านำเข้าส่วนใหญ่เป็นกลุ่มอะไหล่รถยนต์ เคมีภัณฑ์ กระเบื้อง ผลิตภัณฑ์อาหาร และเหล็ก เป็นต้น
บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายการเติบโตปีนี้ไม่ต่ำกว่า 10% เนื่องจาก ปริมาณการนำเข้าและส่งออก เติบโตอย่างต่อเนื่องตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก และ จากการสนับสนุนการลงทุนด้านอุตสาหกรรมของภาครัฐในโครงการ EEC และการลงทุนในภาคเอกชนที่เพิ่มมากขึ้น นอกจากนี้ เราได้รับความสนใจจากลูกค้าและสายการเดินเรือระดับโลกหลายแห่ง เนื่องจากจุดแข็งด้านการขนส่งตู้สินค้าทางเรือที่มีต้นทุนต่ำที่สุด เมื่อเทียบกับการขนส่งรูปแบบอื่น อีกทั้งท่าเรือของบริษัทฯตั้งอยู่ในจุดยุทธศาสตร์ของโลจิสติกส์ ตลอดจนการให้บริการที่เกี่ยวข้องอย่างครบวงจรในที่เดียว และมาตรฐานการให้บริการระดับสากล ล่าสุด บริษัทฯยังได้รับเครื่อง Mobile X-Ray จากกรมศุลกากร มาประจำที่ท่าเรือเพื่อให้บริการอำนวยความสะดวกแก่ผู้นำเข้าและส่งออกอีกด้วย ซึ่งสามารถช่วยประหยัดทั้งเวลาและค่าใช้จ่ายให้แก่ลูกค้าได้อย่างมาก ทั้งนี้ PORT มีแผนจะลงทุนอีกประมาณ 300 ล้านบาท
ในช่วงปี 2018 - 2019 เพื่อขยายโครงการศูนย์ซ่อมบำรุงและจัดเก็บตู้สินค้า (Container Depot) ผ่านบริษัทย่อย BCDS เพื่อขยาย
ความสามารถในการรองรับปริมาณตู้สินค้าที่เพิ่มขึ้น และเพื่อจัดซื้อเครื่องจักรใหม่เข้ามาเพิ่มประสิทธิภาพและขีดความสามารถในการให้บริการ
นอกจากนี้ ท่าเรือ บางกอก บาร์จ (BBT) ซึ่งเป็นบริษัทฯร่วมทุนกับสายการเดินเรือรายใหญ่ของญี่ปุ่น คือ Mitsui O.S.K. Lines (MOL) มีพัฒนาการและการเติบโตที่ดี และคาดว่าจะมีปริมาณตู้สินค้าเข้ามาใช้บริการผ่านระดับจุดคุ้มทุนได้ภายในไม่ช้านี้