นายสมพล เอกธีรจิตต์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ลีซ อิท จำกัด (มหาชน) หรือ LIT ผู้ดำเนินธุรกิจให้บริการสินเชื่อธุรกิจเพื่อSMEs ประเภทNon-Bank ซึ่งมีกลุ่มลูกค้าเป็นผู้ประกอบการธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) เปิดเผยว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานในปี 2561 คาดว่าจะเติบโตอย่างต่อเนื่องและแข็งแกร่ง จากความต้องการสินเชื่อของลูกค้าเอสเอ็มอีที่เพิ่มมากขึ้น และจากการที่รัฐบาลเดินหน้าขยายการลงทุนโครงการขนาดใหญ่ (เมกะโปรเจ็กต์) โดยบริษัทฯตั้งเป้าหมายพอร์ตสินเชื่อ รายได้ ในปีนี้เติบโตเกิน 20% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ท่ามกลางความไม่แน่นอนจากภาวะเศรษฐกิจที่เพิ่งเริ่มฟื้นตัว
กรรมการผู้จัดการ เปิดเผยถึง ทิศทางกลยุทธ์ประจำปี 2561 โดยบริษัทฯมุ่งมั่นที่จะดำเนินการเพื่อย้ายหลักทรัพย์จดทะเบียนของ LIT จากตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ ไปยังตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) และบริษัทฯ มุ่งมั่นที่จะดำเนินการจัดอันดับเครดิตให้อยู่ในระดับ Investment Grade ภายใต้กรอบ กลยุทธ์ระยะยาว 3 ปี (2561-2563) ด้วยกลยุทธ์แรกมุ่งเน้นการเติบโตอย่างยั่งยืน (Sustainable Growth) บริษัทฯ จะเติบโตในเชิงของรายได้เฉลี่ย 20% และกำหนดพอร์ตลูกหนี้สินเชื่อรวมให้ไปถึง 2,690 ล้านบาทและกำหนดเป้าหมายการปล่อยสินเชื่อมากกว่า 13,000 ล้านบาท กลยุทธ์ที่สอง มุ่งยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขัน (Increase Competitiveness) บริษัทฯ มุ่งมั่นพัฒนาสินเชื่อใหม่ๆ เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าเอสเอ็มอี อีกทั้ง มีผลิตภัณฑ์ทางการเงินครบวงจรและหลายหลาย ครอบคลุมตั้งแต่สินเชื่อต้นน้ำ สินเชื่อกลางน้ำ และสินเชื่อปลายน้ำ (Variety of Product) และจะส่งเสริมสินเชื่อเติมทุนหมุนเวียนคู่ค้า (Supplier Finance) และบริษัทฯ จะใช้ช่องทาง Digital Marketing ในการหาลูกค้าใหม่ๆ เพื่อเปิดเป็นอีกหนึ่งช่องทางในการให้ผู้มุ่งหวัง (Prospect) เข้ามาเป็นลูกค้าของบริษัทฯ และกลยุทธ์ที่สาม การบริหารจัดการความเสี่ยง โดยมีนโยบายตั้งสำรองหนี้สงสัยจะสูญในสัดส่วน (Reserve) 5 - 7% ของยอดลูกหนี้คงเหลือสุทธิจากหลักประกัน เพื่อรองรับมาตรฐานบัญชีใหม่ TFRS 9 และการบริหารจัดการพอร์ตสินเชื่อเพื่อกระจายความเสี่ยง นอกจากนี้ นายสมพล ยังกล่าวอีกว่า ถึงแม้ว่าบริษัทจะเพิ่มการสำรองหนี้สงสัยจะสูญในอัตราที่สูงขึ้น อย่างไรก็ตาม ด้วยความมุ่งมั่นและพยายามของบริษัทที่จะยกระดับผลงานให้ดีอย่างต่อเนื่อง และมีกำไรสุทธิสูงขึ้นเหนือการตั้งสำรองอยู่ตลอด ทั้งนี้ ก็เพื่อให้ธุรกิจเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน
"ผมมั่นใจและจะมุ่งมั่นอย่างเต็มที่ว่าแนวโน้มสินเชื่อ และรายได้ ในปีนี้จะทำสถิติสูงสุดใหม่ต่อเนื่องเป็นปีที่ 5 นับจากวันที่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ mai เนื่องจากเรามีจุดแข็งที่แตกต่างจากคู่แข่ง สามารถพิจารณาสินเชื่อให้กับลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว และที่สำคัญโปรดักท์ของเราสามารถตอบโจทย์ลูกค้าได้อย่างครบวงจร ตั้งแต่ต้นน้ำไปจนถึงปลายน้ำ" นายสมพลกล่าว
ส่วนผลการดำเนินงานของบริษัทฯในปี 2560 มีรายได้รวม 418.96 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 131.77 ล้านบาท หรือ 46% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนมีรายได้รวม 287.19 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 145.49 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 44.83 ล้านบาท หรือ 45% เมื่อเทียบกับปีก่อน พอร์ตลูกหนี้สินเชื่อรวมอยู่ที่ 2,241 ล้านบาท และมียอดปล่อยสินเชื่อถึง 10,276 ล้านบาท
โดยในไตรมาส 4/2560 บริษัทฯมีสัดส่วนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPLs) โดยอยู่ที่ระดับ 4.84% (ก่อนหักค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญ) และบริษัทฯ มีการตั้งสำรองเผื่อหนี้สงสัยจะสูญในไตรมาสที่ 4/2560 เป็น 4.92% ของยอดลูกหนี้คงเหลือ ทั้งนี้ เพื่อยกระดับการสำรองให้เทียบเท่ามาตรฐานของสถาบันการเงิน (Banking Industry) โดยหากมีหนี้ที่เกินกำหนดชำระเกิน 90 วันจะสำรอง 100% จากเดิมสำรองเพียง 20%เท่านั้น และเพื่อรองรับมาตรฐานการบัญชี TFRS9 ที่จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 มกราคม 2562 อนึ่ง ผลการดำเนินงานย้อนหลัง LIT นับตั้งแต่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ทำสถิติสูงสุดใหม่ในทุกปี โดยปี (2557-2560) กำไรสุทธิ 47.81 ล้านบาท 70.45 ล้านบาท 100.66 ล้านบาท และ145.49 ล้านบาท ขณะเดียวกันยังได้รับรับรางวัล "บริษัทจดทะเบียนด้านนักลงทุนสัมพันธ์ยอดเยี่ยม" (Best Investor Relations Awards) ของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai)ในโครงการ SET Awards 2017 อีกด้วย