JMT แรงไม่หยุด!! ปี 60 กำไรทุบสถิติใหม่ อยู่ที่ 396.1 ลบ. ประกาศซื้อหนี้เพิ่มปีนี้อีก 5.2 หมื่นลบ. - เข้าถือหุ้น 55% ในบมจ. ฟีนิกซ์ประกันภัย

ศุกร์ ๒๓ กุมภาพันธ์ ๒๐๑๘ ๑๖:๑๔
JMT ประกาศผลงานปี 60 กำไรทุบสถิติอยู่ที่ 396.1 ล้านบาท โตจากปีก่อนหน้า 36.4% ส่วนรายได้รวมอยู่ที่ 1,356.3 ล้านบาท เป็นผลจากความสามารถในการจัดเก็บหนี้ที่สร้างสถิติสูงสุดใหม่ และการซื้อหนี้เข้ามาบริหารเพิ่ม ดันพอร์ตบริหารหนี้รวมสิ้นปี 60 อยู่ที่ 125,554 ล้านบาท "สุทธิรักษ์ ตรัยชิรอาภรณ์" ซีอีโอ ตั้งเป้าปี 61 ซื้อหนี้มาบริหารเพิ่มอีก 52,000 ล้านบาท พร้อมลุยตลาดติดตามหนี้ใน CLMV โฟกัสประเทศเวียดนามเพิ่ม ตอกย้ำเบอร์ 1 ในธุรกิจบริหารหนี้ด้อยคุณภาพรายใหญ่ของประเทศ ด้านบอร์ดบริษัทฯ ไฟเขียวจ่ายเงินปันผลตอบแทนผู้ถือหุ้นที่สนับสนุนบริษัทฯ ด้วยดีเสมอมา และประกาศแผนรุกธุรกิจประกันภัย บอร์ดมีมติเข้าลงทุนบมจ. ฟีนิกซ์ประกันภัย (ประเทศไทย) สัดส่วน 55% คิดเป็นมูลค่าการลงทุนไม่เกิน 400 ล้านบาท ขยายโอกาสการเติบโตด้วยเทคโนโลยีในอนาคต

นายสุทธิรักษ์ ตรัยชิรอาภรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส จำกัด (มหาชน) (JMT) ผู้ประกอบธุรกิจให้บริการติดตามเร่งรัดหนี้ บริหารหนี้ด้อยคุณภาพระดับแนวหน้าของประเทศ เปิดเผยถึง ผลการดำเนินงานของบริษัทฯ และบริษัทย่อยงวดปี 2560 (สิ้นสุด ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2560) มีรายได้รวมอยู่ที่ 1,356.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 27.5% จากปี 2559 อยู่ที่ 1,063.7 ล้านบาท กำไรขั้นต้นอยู่ที่ 781.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14% จากปีก่อนหน้าอยู่ที่ 685.9 ล้านบาท กำไรสุทธิอยู่ที่ 396.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 36.4 % จากปีก่อนหน้าอยู่ที่ 290.4 ล้านบาท ขณะที่ อัตรากำไรขั้นต้นในปี 2560 อยู่ที่ 57.6% และอัตรากำไรสุทธิ 29.2%

โดยสาเหตุสำคัญในการเติบโตของรายได้รวมมาจากรายได้จากการเรียกเก็บหนี้สินจากลูกหนี้ที่รับซื้อในปี 2560 อยู่ที่ 1,109.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 50.2% จากปี 2559 และมีสัดส่วนราว 81.8% ของรายได้รวม มาจากความสามารถในการจัดเก็บหนี้ได้เพิ่มขึ้น สร้างประวัติศาสตร์ของยอดจัดเก็บ (Cash Collection) ได้เท่ากับ 1,847 ล้านบาท และการซื้อหนี้ด้อยคุณภาพเข้ามาบริหารเพิ่ม นอกจากนี้ รายได้จากการติดตามหนี้ทำได้ที่ 242 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 78.9% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ส่วนรายได้ดอกเบี้ยและรายได้ที่เกี่ยวข้องอยู่ที่ 4.5 ล้านบาท ลดลงจากปี 2559 เนื่องจากธุรกรรมการปรับโครงสร้างบริษัทฯ ซึ่งไม่ต้องจัดทำงบการเงินรวมกับบริษัท เจ ฟินเทค จำกัดแล้ว และพร้อมรุกธุรกิจบริหารหนี้ด้อยคุณภาพเต็มกำลัง

"ภาพรวมหนี้ด้อยคุณภาพในระบบสถาบันการเงินไทยยังคงมีอยู่จำนวนมาก ในปี 2560 บริษัทซื้อหนี้ด้อยคุณภาพเข้ามาบริหารเพิ่มขึ้นราว 16,271 ล้านบาท น้อยกว่าเป้าหมายที่วางไว้ เนื่องจาก บริษัทฯ พิจารณาถึงผลตอบแทนจากการลงทุนในหนี้ด้อยคุณภาพเป็นสำคัญ สนับสนุนให้กำไรสุทธิทั้งปีนี้ทำสถิติสูงสุดต่อเนื่องนับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทฯ มา หรืออยู่ที่กว่า 396 ล้านบาท โต 36.4% ขณะที่ พอร์ตบริหารหนี้รวมสิ้นปี 2560 อยู่ที่ 124,554 ล้านบาท และตั้งเป้าโตต่อ เตรียมประมูลซื้อหนี้มาบริหารเพิ่มในปีนี้อีกจำนวนมาก โดยเฉพาะรุกหนี้แบบมีหลักประกันเข้ามาบริหารเพิ่มเติม" นายสุทธิรักษ์ กล่าว

อย่างไรก็ตาม จากข้อมูลของธนาคารแห่งประเทศไทย พบว่า ณ สิ้นปี 2560 ในระบบสถาบันการเงินมียอดคงค้าง Gross NPL ที่ 429 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 43.4 พันล้านบาทจากปี 2559 ทำให้สถาบันการเงินต่างๆ ยังคงขายหนี้ด้อยคุณภาพออกมาเพื่อรักษาระดับ NPLs เป็นโอกาสของ JMT ซึ่งมีความสามารถในการบริหารหนี้ ตามประสบการณ์ในอุตสาหกรรมที่มีมาอย่างยาวนาน พร้อมตั้งเป้าซื้อหนี้ด้อยคุณภาพเข้ามาบริหารในปี 2561 เพิ่มอีก 52,000 ล้านบาท และยังอยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้ของการเข้าลงทุนในกิจการที่มีศักยภาพ สามารถสร้างผลตอบแทน และ Synergy ร่วมกับธุรกิจของกลุ่มบริษัทในอนาคต

ทั้งนี้ เพื่อขยายการเติบโต ครองความเป็นผู้นำในธุรกิจบริหารหนี้ด้อยคุณภาพที่ไม่ใช่แค่ในประเทศไทย แต่หมายรวมถึงใน CLMV ด้วยนั้น บริษัทฯ ได้เปิดบริษัทย่อย ภายใต้ชื่อ บริษัท เจเอ็มที กัมพูชา จำกัด ในไตรมาส 2/2560 ที่ผ่านมา และเริ่มดำเนินงานติดตามหนี้แล้วในไตรมาสที่ 3/2560 เป็นก้าวแรกของการรุกตลาดในประเทศเพื่อนบ้านอย่างเต็มกำลัง และในปีนี้ บริษัทฯ อยู่ระหว่างศึกษาความเป็นไปได้ในธุรกิจติดตามหนี้เพื่อรุกตลาดเวียดนาม ตามกลยุทธ์ที่บริษัทฯ วางไว้

ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ มีมติอนุมัติจ่ายปันผลเป็นเงินสด จากผลประกอบการประจำปี 2560 (วันที่ 1 มกราคม 2560 – 31 ธันวาคม 2560) อัตราการจ่ายเงินปันผลอยู่ระหว่าง 0.40 - 0.49 บาทต่อหุ้น ซึ่งขึ้นอยู่กับจำนวนหุ้นของผู้ถือใบสำคัญแสดงสิทธิ JMT-W1 ที่จะแปรสภาพในวันที่ 30 มีนาคม 2561 นี้ โดยกำหนดวันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล (XD) 24 เมษายน 2561 และกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 15 พฤษภาคม 2561 พร้อมทั้ง กำหนดการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นวันที่ 18 เมษายน 2561 นี้

พร้อมทั้ง อนุมัติการเข้าลงทุนในบริษัท ฟีนิกซ์ประกันภัย (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) (Phoenix) ซึ่งประกอบธุรกิจเป็นผู้รับประกันวินาศศภัยในประเทศไทย โดยการซื้อหุ้นสามัญในสัดส่วน 55% ของทุนจดทะเบียนที่ชำระแล้วทั้งหมด คิดเป็นมูลค่ารวมทั้งสิ้นไม่เกิน 400 ล้านบาท แหล่งเงินทุนมาจากเงินทุนหมุนเวียนของบริษัทฯ เพื่อกระจายความเสี่ยงทางธุรกิจ และโอกาสในการสร้างรายได้และกำไรจากธุรกิจประกันภัยด้วยเทคโนโลยี Insure Tech

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๒๐ ธ.ค. ASMT ผนึก TFT ร่วมลงนามด้านวิชาการด้านอุตสาหกรรมการบิน
๒๐ ธ.ค. กรมวิชาการเกษตร เดินหน้า ถ่ายทอดองค์ความรู้การผลิตอะโวคาโดคุณภาพ สร้างรายได้เพิ่มให้เกษตรกรกว่า 2 แสนบาท/ไร่
๒๐ ธ.ค. Dow มุ่งพัฒนาประสิทธิภาพผลิตภัณฑ์ Personal Care ควบคู่ความยั่งยืน ตอบโจทย์ผู้บริโภคตลาดเครื่องสำอางในภูมิภาคเอเชีย
๒๐ ธ.ค. โอซีซี มอบความรู้ พัฒนาอาชีพให้ผู้ต้องขังหญิง
๒๐ ธ.ค. ดร.นุชนารถ ชลคงคา นำทีมสถาบัน ESTC จัดอบรมให้ Karmakamet
๒๐ ธ.ค. กนภ. เห็นชอบร่าง พรบ. การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ กลไกสำคัญสู่เส้นทางเศรษกิจคาร์บอนต่ำ และมีภูมิคุ้มกันฯ
๒๐ ธ.ค. WePlay x คอลแลบตัวละครสุดปัง! พบกับมินิเกมใหม่ และการ์ตูนสุดน่ารักที่คุณจะต้องหลงรัก
๒๐ ธ.ค. เดลต้า ประเทศไทย และ WEnergy Global ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงเพื่อขับเคลื่อนอนาคตพลังงานสีเขียว
๒๐ ธ.ค. ความภาคภูมิใจของ ไลอ้อน กับ 3 รางวัลแห่งเกียรติยศ เผยผลงานโดดเด่นกับหลายรางวัลที่ได้รับในปี 2567
๒๐ ธ.ค. NOBLE คว้าเรทติ้งสูงสุด ระดับ AAA SET ESG Ratings ประจำปี 2567 ยกระดับองค์กรสู่ความยั่งยืนภายในแนวคิด Live Different ตามกรอบ