นางสุนิตา บ็อตเซ่ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซุปเปอร์แนป ประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า วิสัยทัศน์ของบริษัท คือการพัฒนาดาต้าเซ็นเตอร์ไปสู่การเป็นศูนย์กลางของภูมิภาค ที่มีเทคโนโลยีที่ดีและล้ำหน้าที่สุด ซึ่งรวมเทคโนโลยีระดับโลกที่มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะให้คุณค่ามหาศาลพร้อมโอกาสที่เต็มเปี่ยม "ดาต้าเซ็นเตอร์ของเราคือแบบสแตนด์อโลน สร้างขึ้นตามความต้องการเพื่อรองรับการใช้งานในลักษณะที่เป็น mission critical และช่วยให้ธุรกิจทำงานด้วยศักยภาพสูงสุด"
ซุปเปอร์แนป ประเทศไทย รับประกันการให้ประสิทธิภาพด้านพลังงานต่อเนื่องเต็ม 100 เปอร์เซ็นต์ ด้วยสถาปัตยกรรมด้านพลังงานที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว โดยแบ่งการออกแบบพลังงานไฟฟ้าเป็น 3 ระบบ โดยแต่ละระบบจะมาพร้อมกับเครื่องกำเนิดไฟฟ้าในตัว พร้อมระบบสำรองไฟ (UPS) อุปกรณ์ควบคุมและแจกจ่ายกระแสไฟฟ้า (PDU) ตู้ไฟฟ้าอัจฉริยะ (RPP)และโครงสร้างพื้นฐานเพื่อสนับสนุนงานต่างๆ
ทั้งนี้ ดาต้าเซ็นเตอร์ของซุปเปอร์แนปมีระบบโครงสร้างหลังคาสองชั้น (Redundant roof system) ซึ่งเป็นอิสระต่อกัน โดยมีระยะห่างกัน 3 เมตร ซึ่งหลังคาทั้งภายในและภายนอกทำจากเหล็กกล้าที่แข็งแกร่งป้องกันการรั่วซึมของน้ำและสามารถต้านแรงลมที่มีอัตราความเร็วสูงถึง 200 ไมล์ต่อชั่วโมง (322 กิโลเมตรต่อชั่วโมง) ได้อีกด้วย
"นอกเหนือจากการให้ความสามารถในการรองรับการขยายตัวและความพร้อมในการให้บริการ เรายังมีมาตรฐานด้านความปลอดภัยทางกายภาพถึงเจ็ดชั้น ทั้งหมดนี้เพื่อเป็นการสร้างความเชื่อมั่น พร้อมช่วยให้ลูกค้ามั่นใจได้ว่าข้อมูลของตนจะได้รับการดูแลเฝ้าระวังอย่างดีที่สุด" นางสุนิตา กล่าวเสริม
ซุปเปอร์แนป ประเทศไทย ตั้งบนพื้นที่รองรับการขยายถึง 120,000 ตารางเมตร ได้สร้างดาต้าเซ็นเตอร์ส่วนแรกเสร็จสิ้นเป็นที่เรียบร้อย ด้วยการออกแบบที่เหมาะสมในลักษณะแบบแยกส่วน (โมดูลาร์ ดีไซน์) โดยตัวอาคารส่วนแรกจะแบ่งออกเป็น 2 เซ็คเตอร์ ซึ่งแต่ละเซ็คเตอร์สามารถรองรับเซิร์ฟเวอร์ ได้มากถึง 880 แร็ค พร้อมพลังงานไฟฟ้าเพื่อรองรับการทำงานสูงถึง10 เมกะวัตต์ โดยสิ่งอำนวยความสะดวกทั้งหมดนี้ มุ่งรองรับการใช้งานของลูกค้าทั้งภายในประเทศ และอุตสาหกรรมของประเทศในกลุ่มอาเซียน
ในระยะยาว ซุปเปอร์แนป ประเทศไทย ได้มองการขยายการเติบโตเพื่อเป็นศูนย์กลาง (hub) ของภูมิภาคอาเซียนทั้งหมด โดยจะสร้างอาคารดาต้าเซ็นเตอร์เพิ่มขึ้นอีก 2 หลังซึ่งมี 4 เซ็คเตอร์ พร้อมด้วยกำลังไฟฟ้าที่สูงถึง 40 เมกะวัตต์ ไว้รองรับความต้องการของลูกค้าที่เพิ่มขึ้นทั่วทั้งภูมิภาคเอเชียในอนาคต
ดาต้าเซ็นเตอร์ที่มีประสิทธิภาพด้านการใช้พลังงาน
ซุปเปอร์แนป ประเทศไทย ไม่เพียงเน้นความพร้อมการใช้งานและความสามารถในการรองรับการขยายเพิ่มในอนาคต หากยังให้ความสำคัญในเรื่องความยั่งยืนและการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ โดยแบ่งแยกพื้นที่ความร้อนในระบบที่เรียกว่า T-SCIF (Thermal Separate Space in Facility) เพื่อประสิทธิภาพของดาต้าเซ็นเตอร์ ทั้งนี้ T-SCIF คือแพลตฟอร์มเพื่อการควบคุมความร้อนได้แบบ 100 เปอร์เซ็นต์ ด้วยการแยกช่องทางความร้อนและความเย็นออกจากกัน เพื่อให้มั่นใจว่าความร้อนจะไม่ปะปนเข้าไปในช่องทางการทำความเย็นของดาต้าเซ็นเตอร์ ซุปเปอร์แนป ประเทศไทย คือผู้ให้บริการดาต้าเซ็นเตอร์รายเดียวในภูมิภาคที่สามารถจ่ายลมเย็นได้ถึง 33 กิโลวัตต์ต่อตู้
"อย่างที่ทราบกันดีว่าดาต้าเซ็นเตอร์นั้น มีการใช้พลังงานจำนวนมาก แต่ดาต้าเซ็นเตอร์ของเราประหยัดพลังงาน เราสร้างสภาพแวดล้อมที่เป็นมิตร ไม่ก่อให้เกิดคาร์บอนฟุตพริ้นท์ในการประมวลผลคอมพิวเตอร์ที่มีประสิทธิภาพและความจุสูง ในขณะเดียวกัน ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ก็ให้ความสำคัญต่อแนวคิดริเริ่มที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และนี่คืออีกเหตุผลที่ทำให้เราเลือก ชไนเดอร์ อิเล็คทริค เพราะมุ่งเน้นที่ความยั่งยืนและแหล่งพลังงานทดแทนสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของเรา" นางสุนิตา กล่าว
ชไนเดอร์ อิเล็คทริค: พันธมิตรที่น่าเชื่อถือ
ในการสร้างดาต้าเซ็นเตอร์ ซุปเปอร์แนป ประเทศไทย ทำงานอย่างใกล้ชิดกับชไนเดอร์ อิเล็คทริค ในการนำโซลูชันแบบครบวงจรเข้ามาใช้ในการตรวจสอบควบคุมสภาพแวดล้อมเพื่อการปฏิบัติงานของดาต้าเซ็นเตอร์
ในฐานะของพันธมิตรระดับโลกที่ได้รับการคัดเลือกสำหรับโครงการนี้ ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ทำงานอย่างใกล้ชิดกับซุปเปอร์แนป ประเทศไทย ในการพัฒนาและปรับแต่งโซลูชันEcoStruxure ให้สอดคล้องกับความต้องการของซุปเปอร์แนป ทั้งเรื่องการออกแบบ และการสร้าง รวมถึงข้อกำหนดต่างๆ ซึ่งเป็นมาตรฐานการดำเนินงานของดาต้าเซ็นเตอร์
"ชไนเดอร์ อิเล็คทริคเข้าใจรูปแบบ และข้อกำหนดต่างๆ ซึ่งเป็นมาตรฐานของเรา และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง เข้าใจถึงวิธีการดำเนินงานของเราเป็นอย่างดี โซลูชัน EcoStruxure ชไนเดอร์ ให้ความยืดหยุ่น สามารถปรับใช้งานได้สอดคล้องตามความต้องการของเรา และสิ่งสำคัญที่สุดที่นับเป็นประโยชน์มหาศาลต่อการทำงานของเราก็คือ เมื่อเราเพิ่มขีดความสามารถให้กับดาต้าเซ็นเตอร์ที่ออกแบบมาแบบแยกส่วน (โมดูลาร์ ดีไซน์) ชไนเดอร์ อิเล็คทริค จะสามารถให้การสนับสนุนในการเพิ่มขีดความสามารถรองรับการเติบโตของเรา" นางสุนิตา กล่าว
แนวโน้มตลาดและลูกค้าเป้าหมายนางสุนิตา เสริมว่า โอกาสทางการตลาดทั้งในประเทศไทยและประเทศในกลุ่มอาเซียนมีอยู่มากมายมหาศาล เนื่องจากรัฐบาลในประเทศเหล่านี้ต่างมุ่งหน้าสู่การปฏิรูปและกำลังพยายามพัฒนาทั้งในด้านเทคโนโลยีและโครงสร้างพื้นฐาน ตลอดจนการเชื่อมต่อ ซึ่งจะผลักดันให้เกิดความต้องการดาต้าเซ็นเตอร์ที่เพิ่มมากขึ้น จากข้อมูลของไอดีซี ภายในปี 2020 ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิคไม่รวมประเทศญี่ปุ่นความต้องการปริมาณงานเพื่อการใช้แอปพลิเคชันรุ่นต่อไปและสถาปัตยกรรมทางไอทีรูปแบบใหม่ที่สำคัญกับระบบธุรกิจ จะผลักดันให้องค์กรระดับเอ็นเตอร์ไพร์ซกว่า 40 เปอร์เซ็นต์ต้องพัฒนาดาต้าเซ็นเตอร์ของตัวเองให้ทันสมัยมากยิ่งขึ้นด้วยการอัพเดทระบบเดิมที่ใช้งานอยู่ หรือไม่ก็ต้องนำระบบใหม่เข้ามาใช้งาน
สำหรับประเทศไทย ตลาดมีการเติบโตอย่างรวดเร็วด้วยการนำเทคโนโลยีต่างๆ อาทิ คลาวด์คอมพิวติ้ง บิ๊กดาต้า และปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence) มาติดตั้งใช้งาน และจะนำไปสู่ความต้องการที่เพิ่มขึ้นในเรื่องดาต้าเซ็นเตอร์ที่รองรับการขยายขีดความสามารถพร้อมกับให้ความปลอดภัย
ทั้งนี้ กลุ่มลูกค้าเป้าหมายของซุปเปอร์แนป ประเทศไทย ได้แก่ หน่วยงานภาครัฐ ธนาคารและสถาบันการเงิน ธุรกิจด้านประกันภัยกลุ่มธุรกิจดูแลสุขภาพ ตลอดจนผู้ให้บริการโซลูชันด้านคลาวด์ และบริษัทอีคอมเมิร์ซข้ามชาติต่างๆ
"ในตลาดที่ผู้เล่นส่วนใหญ่ต่างท้าทายต่อกันด้วยการแข่งขันด้านราคา เราแนะนำให้ลูกค้าประเมินเปรียบเทียบโดยอาศัยข้อมูลอย่างละเอียดในด้านต่างๆ ทั้งการออกแบบ การก่อสร้าง ความพร้อมของระบบ ความน่าเชื่อถือ ความสามารถในการปรับขยายตามความต้องการ ความยืดหยุ่น ความปลอดภัยของการดำเนินงาน และความต่อเนื่องในการทำงาน (uptime) เต็ม100 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งคุณค่าต่างๆ เหล่านี้ รวมถึงคุณภาพในการบริการคือปัจจัยสำคัญที่ทำให้เราแตกต่างจากคนอื่นๆ" นางสุนิตา สรุป
ซุปเปอร์แนป ประเทศไทย ตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมเหมราชที่ 2 ในจังหวัดชลบุรี ซึ่งเป็นตำแหน่งที่ดีที่สุดในการให้บริการสนับสนุนทั้งภาคธุรกิจ ภาคอุตสาหกรรม ตลอดจนกลุ่มนักลงทุนต่างชาติที่มีเป้าหมายในการลงทุนในโครงการระเบียงเขตเศรษฐกิจภาคตะวันออก หรือ Eastern Economic Corridor (EEC) ซึ่งเป็นเขตการลงทุนใหม่ของรัฐบาลที่ออกแบบมาเพื่อรองรับอุตสาหกรรมในยุคหน้าและเพื่อตอบสนองนโยบายไทยแลนด์ 4.0 ไปพร้อมกัน
ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ประเทศไทย: พันธมิตรสำคัญของโครงการ
นายมาร์ค เพลิทิเยร์ ประธานบริษัท ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ประเทศไทย กล่าวว่า สำหรับโซลูชัน EcoStruxure ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ได้ทำงานในส่วนของผลิตภัณฑ์ที่สามารถเชื่อมต่อการทำงานร่วมกัน ทั้งในระดับของซอฟต์แวร์และการบริการต่างๆ โดยช่วยให้ผลิตภัณฑ์เหล่านี้ สามารถเชื่อมต่อการทำงานเข้าด้วยกัน เพื่อมอบโซลูชันผสานรวมการทำงานในแบบครบวงจรที่ตอบสนองความต้องการของซุปเปอร์แนป ประเทศไทยได้
นอกจากนี้ ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ได้พัฒนาและปรับแต่งระบบบริหารจัดการโครงสร้างดาต้าเซ็นเตอร์ หรือ DCIM (Data Center Infrastructure Management) ให้ตรงกับความต้องการใช้งาน เพื่อมอบ Tenant Portal ที่ตรงความต้องการใช้งานสำหรับผู้ใช้บริการดาต้าเซ็นเตอร์ของซุปเปอร์แนป ประเทศไทย ที่สามารถล็อก-อินเพื่อเข้าถึงข้อมูลที่จัดเก็บได้โดยสะดวก
"เราภูมิใจเป็นอย่างยิ่งที่ได้มีส่วนร่วมในทุกระดับของการทำงานเพื่อช่วยให้ซุปเปอร์แนป ประเทศไทย สามารถมอบบริการดาต้าเซ็นเตอร์ที่สามารถทำงานต่อเนื่องตลอดเวลาหรืออัพไทม์100 เปอร์เซ็นต์ ให้แก่ลูกค้าด้วยการใช้แพลตฟอร์ม EcoStruxure ของเรา ด้วยผลิตภัณฑ์และโซลูชันที่หลากหลายของเรา เราจึงสร้างความมั่นใจได้ในเรื่องของการผสานการทำงานร่วมกันระหว่างองค์ประกอบหลักๆ ได้อย่างราบรื่น ตั้งแต่ผลิตภัณฑ์ที่เชื่อมต่อจนถึงแพลตฟอร์มในการบริหารจัดการโครงสร้างพื้นฐานดาต้าเซ็นเตอร์ที่ทันสมัย เพื่อช่วยให้ซุปเปอร์แนป ประเทศไทย ทำงานได้อย่างราบรื่น นี่คือการที่เรามอบสิ่งที่เราเรียกว่านวัตกรรมในทุกระดับให้กับลูกค้า" นายมาร์ค กล่าว