นายปกรณ์ บริมาสพร ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไลท์ติ้ง แอนด์ อีควิปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ L&E ผู้นำในธุรกิจผลิตและจัดจำหน่ายโคมไฟฟ้าและอุปกรณ์แสงสว่างรายใหญ่ของประเทศไทยและภูมิภาคอาเซียน เปิดเผยถึง แผนงานในปี 2561 มีแนวโน้มเติบโตกว่าปีที่ผ่านมา จากการขยายตัวของเศรษฐกิจ งานก่อสร้าง และอุตสากรรมต่างๆ เริ่มปรับตัวในทิศทางที่ดีขึ้น จึงเชื่อว่าจะมีงานโครงการออกมาอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ในปัจจุบันบริษัทฯ มีงานในมือ (Backlog) ที่รอรับรู้เป็นรายได้อยู่กว่า 1,200 ล้านบาท และจะทยอยรับรู้รายได้ในปีนี้ทั้งหมด และเป็นงานโครงการมูลค่ากว่า 200 ล้านบาท ที่ถูกเลื่อนมาจากไตรมาส 4/2560 จะทยอยรับรู้รายได้เข้ามาในช่วงไตรมาส1 และ ไตรมาส 2 ปีนี้ พร้อมทั้ง เปิดเกมรุกในฐานะผู้นำในธุรกิจแสงสว่าง เตรียมเข้าประมูลงานโครงการใหม่จากภาครัฐบาล และเอกชนอย่างต่อเนื่อง วางเป้าหมายรายได้จากการขายและให้บริการปี 2561 เติบโตที่ระดับ 20% จากปีก่อน
นอกจากนี้ แผนการรุกตลาดต่างประเทศมีทิศทางที่ดีเช่นกัน หลังจากในปีที่ผ่านมาได้จัดตั้งบริษัทย่อยในประเทศเวียดนาม และจัดตั้งสำนักงานตัวแทนในประเทศมาเลเซีย และอินโดนีเซีย เสร็จเรียบร้อยแล้ว เป็นฐานการทำตลาด และรองรับความต้องการของลูกค้าได้ทันท่วงที ขณะที่ประเทศดังกล่าวที่เราเข้าไปทำตลาดอย่างจริงจัง มีความต้องการใช้อุปกรณ์แสงสว่างของบริษัทฯ ในงานโครงการต่าง ๆ เพิ่มสูงขึ้น จึงตั้งเป้าปีนี้มีสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศราว 9% จากปีก่อนอยู่ที่ประมาณ 6% ของรายได้จากการขายและบริการบริษัทฯ
อย่างไรก็ตาม ความต้องการใช้หลอดไฟฟ้า และอุปกรณ์ส่องสว่าง LED ในประเทศไทยขยายตัวมากขึ้น และผลักดันให้ความต้องการใช้ผลิตภัณฑ์ LED แทนการใช้หลอดไฟส่องสว่างแบบเดิมมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นเช่นกัน เพื่อประหยัดพลังงานและการใช้งานที่คงทน เป็นโอกาสของ L&E ในการรุกตลาดดังกล่าว มุ่งเน้นการพัฒนาผลิตภัณฑ์ไฟฟ้าแสงสว่างใหม่ๆ จากศูนย์นวัตกรรมผลิตภัณฑ์ไฟฟ้าแสงสว่างของบริษัทฯ (Lighting Innovation Center) ที่เริ่มสามารถทำงานได้อย่างเป็นรูปธรรม เพื่อเจาะลูกค้าในตลาดบน ลดความเสี่ยงในการแข่งขันทางด้านราคา และเตรียมออกผลิตภัณฑ์ไฟฟ้าแสงสว่างชุดใหม่ที่เรียกว่า Signature Collection เชื่อว่าจะได้รับการตอบรับที่ดี สนับสนุนการเติบโตของยอดขายหลอดไฟ LED ยิ่งขึ้นได้
นายปกรณ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ที่ผ่านมาเรามุ่งเน้นการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ และการพัฒนาผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯ เพื่อส่งมอบสินค้าและบริการให้แก่ลูกค้าอย่างดีที่สุด ทำให้ L&E ได้รับความเชื่อมั่นและความไว้วางใจ เป็นหนึ่งในผู้นำงานโครงการแสงสว่างในประเทศไทยมาโดยตลอด แม้ในปีที่ผ่านมาจะมีการชะลอตัวทางเศรษฐกิจ แต่เราก็สามารถทำผลงาน และบริหารจัดการภายในอย่างเต็มที่ เพื่อเตรียมพร้อมรับงานในปี 2561 ที่เรามองว่าจะมีทิศทางที่ดีขึ้น เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมาได้ ควบคู่กับการดำเนินธุรกิจด้วยความซื่อสัตย์ รอบคอบ และมีความโปร่งใส ตลอดจน จะบริหารงานตามหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดี เห็นถึงความสำคัญของการต่อต้านทุจริตคอร์รัปชั่น จึงได้เข้าร่วม ใน "โครงการแนวร่วมปฏิบัติของภาคเอกชนไทยในการต่อต้านทุจริต" เพื่อหวังจะช่วยลดปัญหาเรื่องคอร์รัปชั่น นอกจากนี้ บริษัทฯ มีความมุ่งมั่นที่จะใส่ใจในชุมชน สังคมรอบข้าง และตระหนักในการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม เพื่อการเจริญเติบโตของบริษัทฯ ได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน
ทั้งนี้ ผลประกอบการของบริษัทฯ ในงวดปี 2560 ที่ผ่านมา บริษัทฯ มีรายได้จากการขายและให้บริการ 2,553 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อนหน้า 13% เป็นผลจากงานโครงการได้ปรับตัวลดลง 15% ส่วนงานค้าส่ง/ค้าปลีกลดลง 3% งานส่งออกลดลง 32% สาเหตุหลักเพราะสภาพการแข่งขันมีความเข้มข้นขึ้น ทำให้บริษัทฯ ต้องเสนอสินค้าที่มีราคาต่อหน่วยต่ำลง เพื่อให้สามารถแข่งขันในตลาดได้ รวมทั้ง บริษัทฯ มีงาน turnkey ที่ต้องรวมสินค้าและค่าติดตั้งตลอดจนต้องรับชำระเงินเป็นงวดๆ เพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้สินค้าที่อยู่ระหว่างการติดตั้งต้องถูกเลื่อนไปรับรู้รายได้ในปี 2561
สำหรับงานโครงการซึ่งเป็นรายได้หลักของบริษัทฯ ราว 67% ของรายได้จากการขายและบริการทั้งหมด ปรับตัวลดลง 15% เป็น 1,715 ล้านบาท เป็นผลจากงาน turnkey จำนวน 31 ล้านบาท ที่ต้องถูกเลื่อนไปรับรู้รายได้ ในไตรมาสที่ 1 ของปี 2561 และมีงานโครงการมูลค่าประมาณ 180 ล้านบาท ต้องเลื่อนส่งมอบงานไปเป็นไตรมาสที่ 1 และ 2 ของปี 2561 ส่วนงานขายส่ง/ขายปลีกลดลง 3% เป็น 698 ล้านบาท เป็นผลจากราคาสินค้า LED ที่ปรับตัวลดลงและกำลังซื้อของผู้บริโภคได้อ่อนตัวลง สำหรับงานส่งออกได้ลดลง 32% เป็น 139 ล้านบาท เป็นผลจากในปี 2559 บริษัทฯ ได้ขายโคมไฟ LED มูลค่าประมาณ 60 ล้านบาท เพื่อใช้ติดตั้งในซุปเปอร์สโตร์รายหนึ่งในประเทศออสเตรเลียแทนของเดิม เพื่อประหยัดพลังงาน แต่ซุปเปอร์สโตร์ดังกล่าวได้ชะลอการลงทุนในปี 2560 รวมทั้ง การขยายงาน ในประเทศเวียดนาม ประเทศมาเลเซีย และประเทศอินโดนีเชีย ยังทำได้ไม่เต็มที่ เนื่องจากความล่าช้าในการจัดตั้งบริษัทย่อยในประเทศเวียดนาม รวมถึง ความล่าช้าในการจัดตั้งสำนักงานตัวแทนในประเทศมาเลเซีย และประเทศอินโดนีเชีย
กำไรสำหรับงวดปี 2560 อยู่ที่ 61.1 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อนหน้า 13 ล้านบาท หรือลดลง 18% เป็นผลจากกำไรเบื้องต้นรวมรายได้อื่นลดลง 39.2 ล้านบาท หรือลดลง 5% ในขณะที่ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารรวมดอกเบี้ยจ่ายลดลง 26.0 ล้านบาท หรือลดลง 3% ซึ่งสาเหตุใหญ่เป็นผลจากค่าใช้จ่ายส่งเสริมการขาย และค่าใช้จ่ายอื่นส่วนใหญ่ได้ปรับตัวลดลง รวมทั้ง อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ยืมได้ปรับตัวลดลง แต่มีภาษีเงินลดลงเพียง 0.2 ล้านบาท เพราะในไตรมาสนี้บริษัทย่อยแห่งหนึ่งซึ่งได้รับการส่งเสริมการลงทุนมียอดขายของสินค้าจำนวนหนึ่งที่ไม่อยู่ในข่ายได้รับยกเว้นภาษีเงินได้
นอกจากนี้ คณะกรรมการบริษัทฯ มีมติจ่ายปันผลเป็นเงินสด งวดผลการดำเนินงานวันที่ 1 ม.ค. 2560 ถึง วันที่ 31 ธ.ค. 2560 หุ้นละ 0.12 บาท โดยกำหนดวันจ่ายเงินปันผลวันที่ 24 พ.ค. 2561 วันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล (XD) 3 พ.ค. 2561