นายเบน เตชะอุบล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. คันทรี่ กรุ๊ป ดีเวลลอปเมนท์ (CGD) บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์และการลงทุน เปิดเผยถึงแนวโน้มผลการดำเนินงานของปี 2561 คาดว่าจะเติบโตอย่างก้าวกระโดด เนื่องจากจะมีการรับรู้รายได้จาก "เจ้าพระยาเอสเตท" โครงการอสังหาริมทรัพย์หรูริมแม่น้ำเจ้าพระยา มูลค่า 3.2 หมื่นล้านบาท ซึ่งประกอบไปด้วยโรงแรมคาเพลลา กรุงเทพ, โรงแรมโฟร์ซีซั่นส์ กรุงเทพ และคอนโดมิเนียมหรู โฟร์ซีซั่นส์ ไพรเวท เรสซิเด้นซ์ กรุงเทพ โดยมีกำหนดแล้วเสร็จภายในปีนี้ตามแผนงานท่กำหนดไว้ ดังน้นจะทำให้มีการรับรู้รายได้เข้ามาในช่วงปลายเป็นจำนวนมาก ซึ่งทำให้มีโอกาสเห็นผลการดำเนินงานเติบโตได้อย่างโดดเด่นและจะพลิกกลับมามีกำไรในช่วงปลายปีนี้เป็นต้นไป
"ในช่วง 2-3 ปี ที่ผ่านมาถือเป็นช่วงของการลงทุนเพื่อสร้างฐานธุรกิจให้เติบโตอย่างแข็งแกร่งและมั่นคง ถึงเวลานี้เมื่อทุกอย่างเป็นไปตามแผนถือเป็นการเปิดฉากเริ่มต้นของการเทิร์นอะราวด์สำหรับ CGD โดยจะเปิดให้เข้าเยี่ยมชมโครงการได้ตั้งแต่กลางปีนี้เป็นต้นไป และในช่วงปลายปีนี้จะเริ่มรับรู้รายได้จากโครงการเจ้าพระยาเอสเตท"นายเบนกล่าว
สำหรับเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (9 มี.ค.) มีการซื้อขายในกระดานรายใหญ่ (บิ๊กล็อต) บมจ.คันทรี่ กรุ๊ป ดีเวลลอปเม้นท์ (CGD) จำนวน 300 ล้านหุ้น ราคาเฉลี่ย 1.56 บาท ต่อหุ้น คิดเป็นมูลค่าซื้อขาย 468 ล้านบาท จากกองทุนเทมเพิลตัน ซึ่งเป็นกองทุนข้ามชาติยักษ์ใหญ่จากสหรัฐอเมริกา สำหรับหุ้นที่กองทุนเทมเพิลตันสนใจเข้าลงทุนส่วนมากจะเป็นหุ้นที่มีการเติบโตสูง และประเมินแล้วว่าจะให้ผลตอบแทนที่มีความยั่งยืนตรงกับนโยบายว่าต้องเป็นการลงทุนระยะยาว และจากการเข้าลงทุนใน CGD ครั้งนี้จะทำให้บริษัทฯ ได้รับความสนใจจากนักลงทุนกลุ่มต่างๆ เพิ่มขึ้นโดยเฉพาะนักลงทุนสถาบัน
กองทุนเทมเพิลตัน เป็นบลจ. ขนาดใหญ่จากประเทศสหรัฐอเมริกา มีเครือข่ายให้บริการการจัดการด้านการลงทุน ระดับโลกแก่ลูกค้ารายย่อยและสถาบันการเงินในกว่า 170 ประเทศ มีความชำนาญในการบริหารสินทรัพย์ประเภทต่างๆ ทั้งตราสารทุน ตราสารหนี้ และสินทรัพย์ที่มีสภาพคล่องอื่นๆ โดยเฉพาะการลงทุนในตลาดเกิดใหม่ (Emerging Market) ซึ่งถือเป็นตลาดการลงทุนที่กำลังเป็นที่จับตามองของนักลงทุนในปัจจุบัน โดยปัจจุบันมีผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนกว่า 650 คนทั่วโลก โดยมีสำนักงานในกว่า 33 ประเทศ มีประสบการณ์การลงทุนมากกว่า 70 ปีและมีสินทรัพย์ภายใต้การบริหารจัดการ (AUM) กว่า 3 หมื่นล้านบาท
นอกเหนือจากโครงการเจ้าพระยาเอสเตทแล้ว CGD ยังเตรียมจะพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์แบบผสมผสาน (Mixed-use Development) มูลค่าโครงการกว่า 2,000 ล้านบาท ในอำเภอเมือง จังหวัดฉะเชิงเทรา เพื่อรองรับการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) อีกด้วย
ขณะที่ผลการดำเนินงานในปี 2560 กลุ่มบริษัทฯมีรายได้รวมจำนวน 1,107.64 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 87.71% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนมีรายได้รวม 590.07 ล้านบาท โดยได้รับปัจจัยหนุนจากการับรู้รายได้การโอนกรรมสิทธิ์อาคารชุดโครงการอิลีเมนท์ ศรีนครินทร์ ที่มีเข้ามากว่า 908.59 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 158% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 351.56 ล้านบาท