นายวิวรรธน์ เหมมณฑารพ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ปัญจวัฒนาพลาสติก จำกัด (มหาชน) หรือ PJW เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการของบริษัทฯมีมติอนุมัติการจัดตั้งบริษัทย่อย ณ มณฑลเจียงซู ใกล้กับนครเซี่ยงไฮ้ ด้วยทุนจดทดทะเบียน 5 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยจะเรียกชำระ 3 ล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อรองรับการขยายธุรกิจในกลุ่มบรรจุภัณฑ์พลาสติกทั้งการผลิตและการจัดจำหน่าย โดยในเบื้องต้นจะรองรับการผลิตบรรจุภัณฑ์พลาสติกสำหรับอุตสาหกรรมน้ำมันหล่อลื่นและเคมี ซึ่งคาดว่าจะสามารถผลิตและมีรายได้ในปี 2562
"ในส่วนการลงทุนในประเทศจีน บริษัทฯได้รับ conditionally award จากทางลูกค้ารายหนึ่งในประเทศจีน หากบริษัทสามารถทำตามเงื่อนไขที่ทางลูกค้ากำหนดมาใน Request for Quotation (RFQ) ได้ ทางบริษัทจะสามารถทำสัญญาซื้อขายระยะยาวกับลูกค้าได้ ซึ่งผู้บริหารมีความมั่นใจเป็นอย่างมาก และไม่ได้เป็นกังวลกับเงื่อนไขที่กำหนดมาเนื่องจากเป็นเงื่อนไขปกติที่ทางบริษัทมีความสามารถและเชี่ยวชาญอยู่แล้ว โดยสัญญาจะเป็นระยะเวลา 5-7 ปี มูลค่ารวมตลอดสัญญาอยู่ที่ประมาณ 450 ล้านหยวน โดยผลิตภัณฑ์จะอยู่ในกลุ่มอุตสาหกรรมน้ำมันหล่อลื่นและเคมี
โดยมติที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ครั้งที่ 3/2561 ของบริษัท ปัญจวัฒนาพลาสติก จำกัด (มหาชน) เมื่อวันที่ 8 มีนาคม 2561 จึงอนุมัติให้ลงทุนเพื่อจัดตั้งบริษัทย่อยแห่งใหม่ของบริษัท ปัญจวัฒนาพลาสติก จำกัด (มหาชน) ณ มณฑลเจียงซู ในประเทศจีน บริษัทย่อยแห่งใหม่นี้จะมีทุนจดทะเบียน 5 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยจะเรียกชำระ 3 ล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อรองรับยอดขายใหม่ดังกล่าว ขณะนี้บริษัทกำลังอยู่ในขั้นตอนการจดทะเบียนบริษัท ซึ่งบริษัทจะแจ้งความคืบหน้าเพื่อเผยแพร่ข้อมูลให้นักลงทุนทราบต่อไป
นอกจากนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯยังได้มีมติปรับแผนการลงทุนจากการซื้อที่ดินและก่อสร้างโรงงาน มาเป็นการเช่าอาคารใหม่ เพื่อลดภาระการลงทุน
ทั้งนี้ ในปีที่ผ่านมา บริษัทยังมีส่วนแบ่งตลาดที่ยังแข็งแกร่งอยู่ โดยบริษัทมุ่งเน้นพัฒนาองค์ความรู้ บุคลากร โดยเฉพาะในด้านการพัฒนาธุรกิจ เพื่อเตรียมความพร้อมการลงทุนโครงการทั้งในประเทศไทย และในต่างประเทศ
"บริษัทยังมั่นใจว่าในปี 2561 รายได้ในภาพรวมทั้งปีจะเติบโต 8-10% โดยมีแรงหนุนจากการเติบโตของยอดขายนิวโมเดลของชิ้นส่วนยานยนต์ ซึ่งในปี2560 อยู่ในช่วงออกผลิตภัณฑ์ใหม่หลายรายการที่กำลังจะทยอยเป็นงานขายเพื่อเชิงพาณิชย์ในปี 2561 ส่วนโรงงานพ่นสีด้วยเทคโนโลยีชั้นนำและคุณภาพที่ดีส่งผลให้มีการทยอยปิดการขายได้อย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่าจะสามารถใช้กำลังการผลิตได้สูงขึ้นเป็น 60% ภายในปี 2561 รวมถึงการจัดตั้งบริษัทย่อยในประเทศจีนเพื่อขยายตลาด ซึ่งหากยอดขายเข้ามาต่อเนื่องตามแผนการขายที่วางไว้ คาดว่าบริษัทน่าจะไม่ขาดทุนในส่วนงานโรงพ่นสีได้ในปีหน้า ซึ่งบริษัทมั่นใจว่าอัตรากำไรขั้นต้นของปีนี้จะดีขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา จากการบริหารต้นทุน และ utilize ต้นทุนคงที่ได้ดีขึ้น" นายวิวรรธน์ กล่าวในที่สุด