นายสุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า เพื่อรองรับกระแสการเติบโตก้าวกระโดดของสินค้ากลุ่มสุขภาพและความงาม (Health and Beauty) บริษัทฯ จึงดำเนินการค้นคว้าวิจัยและพัฒนา (Research and Development) อย่างไม่หยุดยั้ง เพราะเราเชื่อว่าการสร้างสรรค์นวัตกรรมเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งที่ช่วยตอบสนองความต้องการด้านสุขภาพและความงามอันหลากหลายของผู้บริโภค โดยเตรียมทุ่มงบ 100 ล้านบาท ร่วมกับพันธมิตรและหน่วยงานวิจัยระดับโลก เพื่อคัดสรรสุดยอดนวัตกรรมผลิตสินค้าคุณภาพสูงตอบโจทย์ลูกค้า ทั้งกลุ่ม Skin Care ภายใต้แบรนด์ Magique, กลุ่ม Hair Care ภายใต้แบรนด์ Revive และกลุ่ม Food Supplement ภายใต้แบรนด์ S.O.M.
ล่าสุด ได้จับมือ 3 ยักษ์ใหญ่แห่งวงการ R&D ที่ได้มาตรฐานสากลเป็นพันธมิตรร่วมค้นคว้าวิจัยและพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ ประกอบด้วย 1.กลุ่มเฮิร์บ พลัส ผู้นำตลาดผลิตภัณฑ์เสริมอาหารด้านสมุนไพรระดับพรีเมียมของประเทศไทย ได้ทำ R&D นำสมุนไพรนานาชนิด ได้แก่ โสมเกาหลี, ตังกุย, อะเซโรลา เชอรี่, โกจิเบอรี่ มาสกัดเป็นนวัตกรรมใหม่อย่าง "ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเลคแคปป์" เพื่อช่วยบำรุงข้อเข่าให้แข็งแรง ที่กำลังเป็นสินค้าดาวรุ่งทำยอดขายโตวันโตคืนในขณะนี้
2.AstaReal Group บริษัทจากประเทศญี่ปุ่น เป็นผู้บุกเบิกและผู้เชี่ยวชาญด้าน R&D เป็นที่ยอมรับในตลาดสุขภาพและความงามทั่วโลก ได้ทำ R&D นำสาหร่ายสีแดงสายพันธุ์ฮีมาโตค็อคคัส พลูวิเอลิส จากต้นกำเนิดสแกนดิเนเวีย มาเพาะเลี้ยงในระบบปิดโดยควบคุมความสะอาด แสง อุณหภูมิและปัจจัยแวดล้อมทุกอย่าง เพื่อสกัดเป็นสารแอสต้าแซนทีนบริสุทธิ์และให้ประสิทธิภาพสูงสุด มาผสมผสานกับโคเอนไซม์ คิวเท็น น้ำมันรำข้าว วิตามินดี และวิตามินซี เป็น "ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร เอส.โอ.เอ็ม. ไทม์ แคปซูล" เพื่อช่วยดูแลปัญหาข้อเข่าเสื่อม ที่กำลังเป็นสินค้าพระเอกทำยอดขายพุ่งกระฉูดในตอนนี้
และ 3.บริษัท อินเตอร์เนชั่นแนล แลบบอราทอรีส์ จำกัด ผู้ผลิตสกินแคร์แบรนด์ชื่อดังที่ได้มาตรฐานระดับโลก ได้ทำ R&D นำสารสกัดจากสาหร่ายหิมะสีแดงบนเทือกเขาแอลป์ ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ มาเป็นส่วนผสมหลักของ "ผลิตภัณฑ์มาจีค ยูธฟูล เรเดียนซ์" เพื่อช่วยฟื้นบำรุงคอลลาเจน ริ้วรอยแลดูลดเลือนสีผิวเรียบเนียน เผยผิวใส เปล่งประกายออร่า รวมทั้งนำสารสกัดโลควอทลีฟจากประเทศญี่ปุ่น ผสานพลังกับไข่มุกดำตาฮิติ ไข่ปลาคาเวียร์ และเห็ดทรัฟเฟิล สารสีดำจากธรรมชาติ มาเป็นส่วนผสมหลักของ "ผลิตภัณฑ์รีไวฟ์" เพื่อช่วยลดโอกาสการขาดหลุดร่วงของเส้นผม และบำรุงผมให้มีความชุ่มชื้นแลดูมีสุขภาพดี
ทั้งนี้ ตั้งเป้าปี 2561 มีรายได้กลุ่มธุรกิจสุขภาพความงามและพาณิชย์ (Health&Beauty and Commerce) 3,500 ล้านบาท ซึ่งเป็นธุรกิจที่เติบโตก้าวกระโดดสูงถึง 150% จากปีก่อน คิดเป็นสัดส่วน 65% ของรายได้รวมกลุ่มอาร์เอส 5,800 ล้านบาท เพราะได้รับอานิสงค์จากการมุ่งเน้นค้นคว้าวิจัยและพัฒนาสินค้าชูนวัตกรรมตามที่กล่าวข้างต้น และการใช้ 3 กลยุทธ์หลัก ประกอบด้วย 1.Diversity มีแผนเพิ่มสินค้าสุดยอดคุณภาพใหม่ๆ อีกจำนวนมากตลอดทั้งปี จากปัจจุบัน 37 รายการ รวมเป็น 75 รายการ และยกขบวนสินค้ากลุ่มใหม่ๆ เข้าทำตลาด ทำให้เพิ่มความหลากหลายและเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายมากขึ้น ได้แก่ กลุ่มอุปกรณ์อิเลคทรอนิกส์ กลุ่มลีฟวิ่ง (Living) กลุ่มจิวเวอรี่ (Jewelry) กลุ่มเครื่องประดับ (Accessories) มาจำหน่าย ซึ่งคาดว่าจะประสบความสำเร็จเกินความคาดหมายเช่นเดียวกันกับกลุ่มเครื่องครัวและกลุ่มสลิม แวร์ 2.Up&Cross Selling ได้พันธมิตรธุรกิจนำเสริมทัพสินค้าอื่นๆ ช่วยสร้างยอดขายเติบโต และ 3.Database ฐานข้อมูลมี ประสิทธิภาพสูงทำให้เพิ่มโอกาสสร้างยอดขาย
สำหรับช่องทางจัดจำหน่ายซึ่งเรามีแต้มต่อเหนือคู่แข่งแล้ว แต่เราพัฒนาระบบให้มีประสิทธิภาพสูงสุดยิ่งขึ้น ล่าสุดได้เพิ่มจำนวน Call Center โทร.1781 รวมทั้งขยายเจ้าหน้าที่ดูแล www.shop1781.com และแอพพลิเคชั่น LINE @Shop1781 บน LINE SHOP มากขึ้น ซึ่งมีฐานลูกค้าอยู่ในมือแล้วกว่า 8.5 แสนราย และคาดว่าสิ้นปีนี้จะอยู่ที่ 1.5 ล้านราย
"ความสำเร็จของอาร์เอสในวันนี้พิสูจน์แล้วในปี 2560 ทุบสถิติสร้างรายได้เติบโตโดดเด่นสูงเป็นประวัติการณ์กว่า 6 เท่าทะลุเป้าที่วางไว้ ทั้งหมดนี้เกิดจากความกล้าทรานฟอร์มสู่บิสิเนสโมเดลใหม่ ที่โดดเด่นและไม่มีใครเหมือน เราสามารถเชื่อมโยงและส่งเสริมสนับสนุนต่อยอดธุรกิจได้ดีตลอดเวลากว่า 3 ปีที่เข้ามาทำตลาดสุขภาพและความงาม เราตอบสนองความต้องการลูกค้าได้ทันท่วงที และมีวิธีกระตุ้นให้เกิดการสั่งซื้อซ้ำในสินค้าเดิมหรือสั่งซื้อเพิ่มในกลุ่มสินค้าใหม่ต่อเนื่อง ทำให้ธุรกิจสุขภาพความงามและพาณิชย์กำลังออกดอกออกผล เชื่อว่าปีนี้จะได้เห็นผลประกอบการอาร์เอสที่น่าอัศจรรย์ ทั้งรายได้ที่จะเติบโตก้าวกระโดด กำไรดีขึ้นอย่างแข็งแกร่งและมีประสิทธิภาพ" นายสุรชัย กล่าว