ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรและแนวโน้ม “บ. เอสแอล ลีสซิ่ง” ที่ “BBB/Stable”

ศุกร์ ๒๓ มีนาคม ๒๐๑๘ ๑๗:๓๓
ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรของ บริษัท บีเอสแอล ลีสซิ่ง จำกัด ที่ระดับ "BBB" โดยอันดับเครดิตสะท้อนถึงคณะผู้บริหารที่มีประสบการณ์ การบริหารความเสี่ยงในระดับที่ยอมรับได้ และการสนับสนุนด้านธุรกิจและการเงินจากผู้ถือหุ้นใหญ่ อย่างไรก็ตาม จุดแข็งดังกล่าวลดทอนลงบางส่วนจากการที่บริษัทมีเครือข่ายการให้บริการลูกค้าที่ไม่กว้างขวางพอซึ่งทำให้บริษัทมีความเสี่ยงจากการกระจุกตัวของลูกค้าจากการพึ่งพิงเฉพาะลูกค้ารายใหญ่ นอกจากนี้ แนวโน้มการเติบโตและกำไรของบริษัทในระยะสั้นยังมีข้อจำกัดจากการแข่งขันที่รุนแรง อีกทั้งความสามารถในการทำกำไรของบริษัทก็ได้รับผลกระทบจากการตั้งสำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญที่สูงขึ้นจากการที่คุณภาพสินทรัพย์ของลูกค้ารายใหญ่รายหนึ่งของบริษัทถดถอยลงด้วย

ประเด็นสำคัญที่กำหนดอันดับเครดิต

การเติบโตของบริษัทมีข้อจำกัดจากการแข่งขันที่รุนแรง

ท่ามกลางการแข่งขันที่รุนแรง ทำให้บริษัทสูญเสียส่วนแบ่งทางการตลาดอย่างต่อเนื่อง ทั้งจากบริษัทที่ให้บริการสินเชื่อและลีสซิ่งอุปกรณ์และเครื่องจักรของญี่ปุ่นรวมถึงบริษัทในเครือของธนาคารพาณิชย์หลายแห่งที่ใช้การแข่งขันด้านราคาเพื่อเพิ่มส่วนแบ่งทางการตลาดของตน ทั้งนี้ บริษัทมีพอร์ตสินเชื่อ (เฉพาะสินเชื่อเช่าซื้อและสินเชื่อเช่าการเงิน) ลดลง 1.6% ในปี 2560 หรือลดลงเป็น 5,520 ล้านบาท จาก 5,608 ล้านบาทในปี 2559 จากการคาดการณ์ภาวะเศรษฐกิจที่เริ่มปรับตัวดีขึ้นจะเป็นโอกาสของบริษัทในการขยายพอร์ตสนเชื่อ แต่ภาวะการแข่งขันที่รุนแรงน่าจะเป็นความท้าทายสำหรับบริษัทในการขยายพอร์ตเช่นกัน

ความเสี่ยงจากการกระจุกตัวของลูกค้าจากการพึ่งพิงเฉพาะลูกค้ารายใหญ่

ธุรกิจของบริษัทถือว่ามีความกระจุกตัวเนื่องจากบริษัทดำเนินธุรกิจเฉพาะในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑลโดยผ่านการให้บริการของสำนักงานใหญ่เพียงแห่งเดียวเท่านั้น นอกจากนี้ บริษัทยังมีความเสี่ยงจากการกระจุกตัวของลูกค้าด้วยเนื่องจากลูกค้ารายใหญ่ 10 รายแรกของบริษัทคิดเป็นสัดส่วนถึง 30% ของพอร์ตสินเชื่อของบริษัท ณ เดือนธันวาคม 2560 ซึ่งการกระจุกตัวของลูกค้ารายใหญ่จะส่งผลกระทบค่อนข้างมากต่อบริษัทได้ หากลูกค้ารายใหญ่บางรายประสบปัญหา ยกตัวอย่างเช่นกรณีลูกค้ารายใหญ่ตั้งแต่ปี 2559

คุณภาพสินทรัพย์ของบริษัทถดถอยลง

บริษัทมีคุณภาพสินทรัพย์ที่ดีตลอดมาจนกระทั่งปี 2559 อัตราส่วนเงินให้สินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (ค้างชำระเกิน 3 เดือน) ต่อเงินให้สินเชื่อรวมอยู่ในระดับต่ำกว่า 1% ในปี 2556 ถึง ปี 2558 อย่างไรก็ดี คุณภาพสินทรัพย์ของบริษัทถดถอยลงหลังจากมีปัญหากับลูกค้ารายใหญ่กลุ่มหนึ่งในปี 2559 ทำให้อัตราส่วนเงินให้สินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ต่อสินเชื่อรวมของบริษัทเพิ่มขึ้นเป็น 8.7% ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2559 หากไม่รวมผลกระทบจากลูกค้ากลุ่มดังกล่าวแล้ว คุณภาพสินทรัพย์ของบริษัทยังถือว่าดีและมีสัดส่วนสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ที่ค่อนข้างต่ำ โดยที่สถานะทางธุรกิจของบริษัทยังไม่ได้รับผลกระทบจากกรณีดังกล่าวแต่อย่างใด ภายหลังจากการปรับโครงสร้างและการติดตามหนี้ที่เข้มงวด ทำให้อัตราส่วนเงินให้สินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ต่อสินเชื่อรวมของบริษัทลดลงเป็น 4.3% ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2560

ความสามารถในการทำกำไรของบริษัทได้รับผลกระทบจากคุณภาพสินทรัพย์ของลูกค้ารายใหญ่

ความสามารถในการทำกำไรของบริษัทลดลงอย่างมีนัยสำคัญตั้งแต่ปี 2559 รายได้สุทธิของบริษัท (ปรับจากรายได้สุทธิของธุรกิจให้เช่าดำเนินงาน) อยู่ที่ 592 ล้านบาทในปี 2559 และ 544 ล้านบาทในปี 2560 ลดลงจาก 633 ล้านบาทในปี 2558 ผลประกอบการที่ลดลงอย่างมากในปี 2559 และ 2560 มีสาเหตุหลักมาจากคุณภาพสินทรัพย์ที่ถดถอยลง ทำให้บริษัทต้องตั้งค่าใช้จ่ายสำรองหนี้สงสัยจะสูญมากถึง 319 ล้านบาทในปี 2559 และ 294 ล้านบาทในปี 2560 เป็นผลให้บริษัทมีกำไรสุทธิเพียง 40 ล้านบาทและ 37 ล้านบาทในปี 2559 และปี 2560 ตามลำดับ

อัตราส่วนผลตอบแทนต่อสินทรัพย์รวมเฉลี่ยอยู่ที่ 0.5% ในปี 2560 และบริษัทมีอัตราส่วนผลตอบแทนต่อส่วนของผู้ถือหุ้นถัวเฉลี่ยลดลงเป็น 1.97% ในปี 2560 ในขณะเดียวกันค่าใช้จ่ายดำเนินงานต่อรายได้รวมเพิ่มขึ้นจาก 14.8% ในปี 2558 เป็น 16.7% ในปี 2559 และ 18.9% ในปี 2560

ความสามารถในการบริหารมูลค่าคงเหลือของสินทรัพย์ให้เช่าจะช่วยเพิ่มรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยให้แก่บริษัท ภายหลังจากที่ราคารถยนต์ใช้แล้วผ่านพ้นจุดต่ำสุดในปี 2557 ไปแล้ว บริษัทมีกำไรจากการขายสินทรัพย์ให้เช่าเพิ่มขึ้นเป็น 30 ล้านบาทในปี 2560 อย่างไรก็ตาม ภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวในปัจจุบันจะเป็นความท้าทายสำหรับบริษัทในการเพิ่มผลประกอบการทางการเงิน ไปพร้อมกับการมีคุณภาพสินทรัพย์ที่ดีด้วย

สภาพคล่องเพียงพอ

ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัท อย่างไรก็ตาม บริษัทไม่ได้พึ่งพาแหล่งเงินทุนจากธนาคารกรุงเทพเป็นหลัก ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2560 บริษัทมีเงินกู้ยืมจากธนาคารกรุงเทพเพียง 2.4% ของหนี้สินของบริษัททั้งหมด บริษัทได้กระจายแหล่งกู้ยืมไปยังสถาบันการเงินอื่นมากขึ้นรวมถึงการออกตราสารหนี้ในตลาดทุน บริษัทเริ่มมีการออกตั๋วสัญญาใช้เงินในปี 2553 ออกหุ้นกู้ในปี 2554 และออก Shogun Bonds 6 ครั้งมูลค่ารวม 120 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ระหว่างปี 2555-2560

บริษัทมีวงเงินสินเชื่อที่เพียงพอรองรับปัญหาการขาดสภาพคล่องในระยะสั้นที่อาจเกิดขึ้นได้ นอกจากนี้ บริษัทยังมีกระแสเงินสดที่มีเสถียรภาพจากการมีเงินผ่อนชำระรายเดือนจากลูกค้าและยังมีวงเงินสินเชื่อของธนาคารกรุงเทพที่เก็บเอาไว้ใช้เป็นเงินทุนแหล่งสุดท้ายในกรณีที่มีความต้องการเพิ่มสภาพคล่องในอนาคตด้วย

ฐานเงินทุนแข็งแกร่ง

บริษัทถือว่ามีฐานเงินทุนที่แข็งแกร่ง อัตราการจ่ายเงินปันผลที่ต่ำช่วยทำให้ฐานทุนของบริษัทปรับเพิ่มขึ้น โดยส่วนของผู้ถือหุ้นเป็น 1,858 ล้านบาทในปี 2560 ทำให้อัตราส่วนของผู้ถือหุ้นต่อสินทรัพย์รวมลดลงเป็น 23% ในปี 2560 อัตราส่วนดังกล่าวถือว่าค่อนข้างแข็งแกร่งเมื่อเทียบกับคู่แข่ง บริษัทยังมีเงินกองทุนที่เข้มแข็งเพียงพอที่จะรองรับความเสี่ยงจากภาวะแวดล้อมทางธุรกิจที่ถดถอย ณ เดือนธันวาคม 2560 บริษัทรักษาอัตราส่วนหนี้สินต่อทุนอยู่ที่ 3.4 เท่า เมื่อเทียบกับ 3.3 เท่า ณ เดือนธันวาคม 2559

แนวโน้มอันดับเครดิต

แนวโน้มอันดับเครดิต "Stable" หรือ "คงที่" สะท้อนถึงความคาดหมายของทริสเรทติ้งว่าบริษัทจะยังคงได้รับการสนับสนุนทางการเงินอย่างต่อเนื่องจากผู้ถือหุ้นรายใหญ่ไปพร้อม ๆ กับการเพิ่มความหลากหลายของแหล่งเงินกู้ไปด้วย การพิจารณาแนวโน้มอันดับเครดิตยังรวมไปถึงความคาดหมายที่คณะผู้บริหารของบริษัทจะสามารถรักษาสถานะทางการตลาดในปัจจุบันเอาไว้ได้ ในขณะที่ฐานทุนจะยังคงแข็งแกร่งเพียงพอที่จะรองรับความเสี่ยงจากคุณภาพสินทรัพย์ที่เสื่อมถอย และบริษัทจะมีผลประกอบการทางการเงินตามที่ทริสเรทติ้งคาดการณ์ไว้ด้วย

ปัจจัยที่อาจทำให้อันดับเครดิตเปลี่ยนแปลง

อันดับเครดิตและ/หรือแนวโน้มอันดับเครดิตของบริษัทอาจถูกปรับลดลงได้ หากบริษัทยังคงมีการเสื่อมถอยของคุณภาพสินทรัพย์และสถานะทางธุรกิจอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ การปรับอันดับเครดิตและ/หรือแนวโน้มอันดับเครดิตของบริษัทอาจจะมีการเปลี่ยนแปลง หากมีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างผู้ถือหุ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากบริษัทมีสถานะเป็นหนึ่งในกลุ่มธุรกิจการเงินของธนาคารกรุงเทพภายใต้การกำกับดูแลแบบรวมกลุ่มของธนาคารแห่งประเทศไทยอันดับเครดิตของบริษัทก็มีโอกาสปรับเพิ่มขึ้นจากการสนับสนุนที่เพิ่มขึ้นจากกลุ่มธนาคารกรุงเทพ

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๒๒ พ.ย. รีเลชั่นชิพรีพับบลิค แนะกลยุทธ์สำคัญ นำพาธุรกิจร้านอาหารสู่ความสำเร็จ มัดใจลูกค้าให้อยู่หมัด
๒๒ พ.ย. ชมนวัตกรรมสุดล้ำในงาน METALEX 2024 หลายแบรนด์แกะกล่องเครื่องจักรครั้งแรกในงานนี้
๒๒ พ.ย. Bangkok Illustration Fair 2024 สู่การเติบโตก้าวใหญ่ในปีที่ 4
๒๒ พ.ย. ผลการจัดอันดับขีดความสามารถในการแข่งขันด้านดิจิทัลโดย IMD ประจำปี 2567 TMA เผยไทยครองอันดับ 37 ในการจัดอันดับด้านดิจิทัลปีนี้
๒๒ พ.ย. โก โฮลเซลล์ จัดเต็มสินค้า ส่งสุข สุดอร่อย เฉลิมฉลองเทศกาลส่งท้ายปี เข้มกระเช้าปีใหม่ดีมีมาตรฐาน พร้อมชู อาหารแช่แข็ง-อาหารสด
๒๒ พ.ย. กทม. จับมือสถานทูตเนเธอร์แลนด์ ประจำประเทศไทย จัดประชุมเชิงปฏิบัติการ ACTIVE Workshop เมืองเดินเท้า และจักรยานสัญจร ครั้งที่
๒๒ พ.ย. สัมผัสความหรูหราของวิลล่าริมทะเล VEYLA NATAI RESIDENCES ผ่านประสบการณ์เหนือระดับในงาน SOUL of VEYLA
๒๒ พ.ย. 'แอสเซทไวส์' จับมือ 'สยามกีฬา' เปิดศึกลูกหนังยุวชนทัวร์นาเมนต์ใหญ่แห่งปี AssetWise Siamkeela Cup 2024-25 ต่อเนื่องเป็นปีที่
๒๒ พ.ย. โรงแรมเรเนซองส์ เปิดตัว R FINDS แพลตฟอร์มดิจิทัลระดับโลก ที่จะเชื่อมมนต์เสน่ห์ชุมชนท้องถิ่นสู่นักเดินทางทั่วโลก
๒๒ พ.ย. electric.neon.lamp หยิบเพลงฮิต แม้ ใส่ฟีลดนตรีเหงาปนเศร้าในแบบ Piano Version