นายประกอบ เผ่าพงศ์ สหกรณ์จังหวัดเพชรบุรี เปิดเผยว่า สำนักงานสหกรณ์จังหวัดเพชรบุรี ได้ร่วมกับชุมนุมสหกรณ์เกลือทะเลไทย จำกัด และสำนักงานพาณิชย์จังหวัดเพชรบุรี จัดการประมูลเกลือทะเลทั้งเกลือขาว เกลือกลาง และเกลือดำ เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรนาเกลือที่ประสบปัญหาราคาเกลือทะเลตกต่ำและช่วยแก้ปัญหาหนี้สินสะสม โดยจะมีการเปิดทุกสัปดาห์รวม 3 แห่ง คือ จังหวัดสมุทรสาคร สมุทรสงคราม และเพชรบุรี เริ่มตั้งแต่ขณะนี้ไปจนถึงเดือนธันวาคม 2561 โดยผู้ที่สนใจสามารถเข้ามาร่วมประมูลได้ตามวันและเวลาที่เปิดประมูล
สำหรับการเปิดประมูลเกลือทะเลครั้งนี้ จุดแรกเปิดประมูลทุกวันจันทร์ เวลา 10.00 น. ที่สำนักงานสหกรณ์กรุงเทพ จำกัด ตำบลโคกขาม อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรสาคร ติดต่อได้ที่เบอร์ 086-5241021 และ 034-857051 ,จุดที่ 2 เปิดประมูลทุกวันพุธ เวลา 10.00 น. ที่ห้องประชุมสำนักงานสหกรณ์จังหวัดสมุทรสงคราม ซอยบางประจัน ถนนเอกชัย อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรสงคราม ติดต่อได้ที่เบอร์ 081-8584429 และ 034-711517 และจุดสุดท้าย เปิดประมูลทุกวันศุกร์ เวลา 10.00 น. ที่สำนักงานสหกรณ์การเกษตรเกลือทะเลไทยเพชรบุรี จำกัด ตำบลบ้านแหลม อำเภอบ้านแหลม จังหวัดเพชรบุรี ติดต่อได้ที่เบอร์ 083-2825451 และ 032-706232
นายประกอบ กล่าวว่า เหตุผลของการเข้ามาเปิดประมูลเกลือทะเลครั้งนี้ เป็นเพราะเกษตรกรนาเกลือส่วนใหญ่มักถูกกดราคารับซื้อจากพ่อค้าเอกชนมาโดยตลอด จนทำให้เกิดปัญหาหนี้สิน ราคาเกลือที่ขายไปแต่ละครั้ง ขายราคาต่ำกว่าต้นทุนการผลิต ดังนั้นทางเกษตรกรชาวนาเกลือจึงได้รวมตัวกันเป็นชุมนุมสหกรณ์เกลือทะเลไทย จำกัดและนำรูปแบบของการประมูลยางพารามาใช้เป็นช่องทางในการสร้างตลาดผลผลิตเกลือ ซึ่งตอนนี้อยู่ระหว่างการทดลอง และนอกจากการประมูลแล้ว ยังมีการเปิดเจรจากับเอกชนเพื่อทำข้อตกลงการซื้อขายสินค้าล่วงหน้า ซึ่งการดำเนินการในลักษณะดังกล่าวจะมีผลดีคือ เกษตรกรได้รวมตัวกันก่อน และวางแผนในการมองหาตลาดเพื่อจะสำรวจปริมาณความต้องการเกลือทะเลเพื่อจะได้นำมาวางแผนในการระบายผลผลิตได้ ซึ่งจะ ทำให้เกษตรกรไม่ถูกเอาเปรียบกดราคา ในช่วงเวลาที่ทั้ง 3 จังหวัดซึ่งเป็นแหล่งผลิตเกลือมีปริมาณเกลือออกมาพร้อมกัน
ทั้งนี้ในการเปิดประมูลจะมีประเภทเกลือรวมทั้งหมด 3 ประเภท แบ่งเป็น เกลือขาว มีราคาตั้งต้นการประมูลอยู่ที่กิโลกรัมละ 1.80 บาท ,เกลือกลาง ราคาตั้งต้นกิโลกรัมละ 1.50 บาท และเกลือดำกิโลกรัมละ 1.30 บาท โดยราคาเกลือทั้ง 3 ชนิดนั้นจะต้องบวกค่าดำเนินการอีกกิโลกรัมละ 0.50 บาท ขณะที่แผนการรวบรวมเกลือในปีนี้มีประมาณ 99,569 ตัน แบ่งเป็น เกลือขาว 16,533 ตัน เกลือกลาง 77,184 ตัน และเกลือดำ 5,852 ตัน ซึ่งในแต่ละสัปดาห์จะเปิดประมูลเกลือในปริมาณที่ไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับปริมาณ การรวบรวมของแต่ละสหกรณ์ในแต่ละช่วงเวลา และเพื่อให้มีความสอดคล้องกันระหว่าง Demand และ Supply ในการจัดให้มี การประมูลผลผลิตเกลือ จึงเป็นการเปิดเจรจาตลาดซื้อขายล่วงหน้า โดยการนำวิธีการประมูลยางพารามาประยุตต์ใช้ และเป็นการดำเนินการตามแนวนโยบายใช้ตลาดนำการผลิต ซึ่งคาดหวังว่าจะช่วยยกระดับราคาผลผลิตเกลือให้เพิ่มสูงขึ้น และบรรเทาปัญหาราคาเกลือตกต่ำให้กับเกษตรกรทั้ง 3 จังหวัดได้ในที่สุด