Tracker ซึ่งเปิดให้บริการตั้งแต่เดือนพฤษภาคม พ.ศ.2560 ช่วยให้ธนาคารที่เข้าร่วมใช้บริการสามารถติดตามการชำระเงินผ่าน gpi ได้ทันทีแบบเรียลไทม์ และตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ได้มีการเพิ่มข้อมูลอ้างอิงเฉพาะสำหรับธุรกรรมตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทางลงในคำสั่งชำระเงินทั้งหมดที่ส่งผ่าน SWIFT ทำให้ธนาคารซึ่งรองรับ gpi สามารถติดตามคำสั่งชำระเงินทั้งหมดที่เกิดขึ้นตั้งแต่ต้นทางถึงปลายทางระหว่างลูกค้าของ SWIFT กว่า 11,000 ราย ทั่วทั้ง 200 ประเทศและอาณาเขตได้ตลอดเวลา
Mr. Navinder Duggal, DBS Group Head of Cash Product Management กล่าวว่า "การขยาย gpi ไปสู่สมาชิกที่ไม่ใช่ gpi ถือเป็นนวัตกรรมที่ก้าวกระโดด การเพิ่มความสามารถของ Tracker ให้รองรับการชำระเงินที่ไม่ได้ผ่าน gpi จะช่วยเพิ่มความโปร่งใสให้แก่ธุรกรรมได้มากขึ้น และยังช่วยผลักดันให้มีธนาคารเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการริเริ่มนวัตกรรมครั้งนี้มากขึ้น อันจะทำให้ gpi กลายเป็น "บริการสามัญรูปแบบใหม่" ในการชำระเงินระหว่างประเทศ"
"ความสามารถในการติดตามคำสั่งชำระเงินทั้งหมดตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทางถือเป็นปัจจัยที่พลิกโฉมหน้าธุรกิจครั้งใหญ่" Lars Sjogren, Global Head of Transaction Banking, Danske Bank กล่าว "ก่อนหน้าปีที่ผ่านมา ธนาคารไม่สามารถรวบรวมข้อมูลดังกล่าวในนามของลูกค้าของตนเองได้ แต่หลังจากที่เปิดให้บริการ gpi Tracker ที่เข้ามาแก้ปัญหานี้โดยตรง ก็ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในการชำระเงินระหว่างประเทศ และทำให้ธนาคารสามารถให้บริการลูกค้าได้ดียิ่งขึ้นภายใต้ค่าใช้จ่ายที่ประหยัด"
Tracker จะแสดงสถานะธุรกรรมล่าสุดโดยอัตโนมัติไปยังธนาคารในเครือข่าย gpi ทุกแห่งที่เกี่ยวข้องกับเส้นทางการชำระเงิน gpi และทำให้ธนาคารสามารถยืนยันความเสร็จสิ้นสมบูรณ์ของการชำระเงินดังกล่าวได้ นอกจากนี้ Tracker ยังช่วยในการพิสูจน์ยอดชำระเงินและใบแจ้งหนี้ได้ถูกต้องยิ่งขึ้น ช่วยปรับปรุงสภาพคล่องด้วยการประเมินกระแสเงินสดได้ดีขึ้น และลดความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนด้วยการประมวลผลธุรกรรมภายในวันเดียวกันตามเขตเวลาของผู้รับผลประโยชน์ นอกจากนั้น Tracker ยังเป็นบริการบนคลาวด์ และสามารถใช้บริการผ่าน API ได้ ดังนั้นจึงรองรับการใช้งานกับระบบของธนาคารได้ทั่วโลก
"SWIFT gpi ได้มอบคุณประโยชน์มหาศาลให้แก่ธนาคารและลูกค้าของธนาคารนับตั้งแต่การเปิดตัวเมื่อปีที่ผ่านมา และการเพิ่มความสามารถในการติดตามธุรกรรมให้ครอบคลุมการชำระเงินทั้งหมดบนเครือข่ายในครั้งนี้ ถือเป็นการปฏิรูประบบครั้งใหญ่อย่างแท้จริง" Piyada Chittangwong , Country Manager – Thailand, Lao & Cambodia ของ SWIFT กล่าว "การเพิ่มขีดความสามารถในการติดตามธุรกรรมครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งในแผนบริการ gpi ของ SWIFT ที่พร้อมเปิดตัวในปี พ.ศ.2561 เพื่อยกระดับประสบการณ์ด้านการชำระเงินระหว่างประเทศ ช่วยให้ธนาคารต่างๆ สามารถให้บริการแก่ลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น และยังช่วยผลักดันให้ธนาคารอื่นๆ มาร่วมใช้บริการมากขึ้นในเร็ววันด้วย"
นับตั้งแต่การเปิดตัวเมื่อช่วงต้นปี พ.ศ.2560 เป็นต้นมา บริการ gpi ได้ยกระดับความคาดหวังด้านบริการ จัดการธุรกรรมได้เร็ว โปร่งใส และน่าเชื่อถือมากขึ้น โดยปัจจุบันคิดเป็นราว 10% ของรายการ SWIFT ทั้งหมด และการชำระเงินผ่าน gpi กว่า 50% นั้นเสร็จสมบูรณ์ภายในเวลาไม่ถึง 30 นาที ขณะที่รายการอีกจำนวนมากใช้เวลาเพียงหลักวินาทีเท่านั้น นอกจากนี้ยังมีธนาคารมากกว่า 150 แห่ง ซึ่งคิดเป็นกว่า 78% ของธุรกรรมการชำระเงินระหว่างประเทศบน SWIFT ที่ได้ลงนามเข้าร่วมใช้บริการดังกล่าวแล้ว
การเปิดใช้ข้อมูลอ้างอิงเฉพาะสำหรับธุรกรรมตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทางจะมีผลบังคับตามกำหนดปรับปรุงมาตรฐานประจำปีในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ.2561 นี้ ดังนั้นหลังจากช่วงเวลาดังกล่าว ลูกค้าของ SWIFT ทุกรายจะต้องระบุข้อมูลอ้างอิงเฉพาะสำหรับธุรกรรมตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทางในคำสั่งชำระเงิน ไม่ว่าจะเป็นธนาคารซึ่งรองรับ gpi หรือเป็นธนาคารที่ดำเนินการชำระเงินผ่าน gpi ก็ตาม ทั้งนี้ สถาบันการเงินในกำกับบนเครือข่าย SWIFT สามารถเข้าร่วมใช้บริการ gpi ได้เช่นกัน
ข้อมูลติดต่อสำหรับสื่อมวลชน:
Jaime Lee
+852-2107-8860
หมายเหตุสำหรับบรรณาธิการ:
ข้อมูลเกี่ยวกับ gpi
นวัตกรรมการชำระเงินระดับโลกจาก SWIFT (SWIFT gpi) ถือเป็นมาตรฐานใหม่และเป็นการเปลี่ยนแปลงด้านการชำระเงินระหว่างประเทศครั้งใหญ่ที่สุดในช่วง 30 ปีที่ผ่านมา โดย SWIFT gpi ช่วยยกระดับประสบการณ์ด้านการชำระเงินระหว่างประเทศแก่ลูกค้าได้อย่างมาก ทั้งในด้านความเร็ว ความโปร่งใส และการติดตามสถานะตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทาง ปัจจุบันมีธุรกรรมด้านการชำระเงินระหว่างประเทศหลายแสนรายการที่ใช้มาตรฐาน gpi แบบใหม่ ทำให้ธุรกรรมเสร็จสิ้นในเวลาที่เร็วขึ้น จากหลายนาทีเหลือเพียงไม่กี่วินาทีเท่านั้น
SWIFT gpi มอบบริการที่เหนือกว่าให้แก่ธุรกิจและองค์กรต่างๆ ด้วยคุณสมบัติหลักอันโดดเด่นดังนี้
- ผู้รับเงินที่เป็นสมาชิก gpi สามารถใช้เงินได้เร็วขึ้นภายในวันเดียวกันตามเขตเวลาของผู้รับเงิน
- ค่าธรรมเนียมที่โปร่งใส
- ติดตามสถานะได้ตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทาง
- มั่นใจได้ว่าข้อมูลการจ่ายชำระเงินจะปลอดภัยและไร้ซึ่งการเปลี่ยนแปลงแก้ไขใดๆ
SWIFT gpi ถือเป็นการริเริ่มครั้งใหม่ที่ผสานความร่วมมือกับธนาคารและชุมชนฟินเทคทั่วโลก เพื่อสร้างสรรค์นวัตกรรมในด้านการชำระเงินระหว่างประเทศและการลดค่าใช้จ่ายหลังบ้านขององค์กรต่างๆ โดยนับตั้งแต่เปิดให้บริการเมื่อเดือนมกราคม พ.ศ.2560 จนถึงวันนี้ gpi ได้มอบประสบการณ์ด้านการชำระเงินระหว่างประเทศที่ดีขึ้นให้แก่องค์กรต่างๆ ผ่านเส้นทางการชำระเงินมากกว่า 220 ประเทศทั่วโลก คุณสมบัติอันโดดเด่นของบริการ gpi สามารถรองรับกฎเกณฑ์ทางธุรกิจได้มากขึ้น และมีฐานข้อมูลการติดตามธุรกรรมอันปลอดภัยบนระบบคลาวด์ที่สามารถเชื่อมต่อได้ผ่าน API ดังนั้น SWIFT gpi จึงช่วยให้องค์กรต่างๆ เติบโตและต่อยอดธุรกิจระหว่างประเทศได้ดีขึ้น ยกระดับความสัมพันธ์กับผู้ค้า และมีประสิทธิภาพมากขึ้นในการบริหารการเงิน ทั้งนี้ กว่า 50% ของการชำระเงินผ่าน SWIFT gpi จะส่งถึงบัญชีผู้รับผลประโยชน์ภายใน 30 นาที และเกือบ 100% จะเสร็จสิ้นภายใน 24 ชั่วโมง โดยธุรกรรมที่ใช้ระยะเวลานานกว่าปกติมักเกี่ยวข้องกับการแปลงสกุลเงินต่างประเทศอันซับซ้อน มีการตรวจสอบธุรกรรมตามข้อกำหนด หรือต้องรออนุมัติจากหน่วยงานกำกับ
ปัจจุบันมีสถาบันการเงินมากกว่า 150 แห่งที่ได้ติดตั้ง gpi แล้ว และมีระบบโครงสร้างพื้นฐานการชำระเงินมากกว่า 50 ระบบที่แลกเปลี่ยนการชำระเงินผ่าน gpi ทำให้สามารถแลกเปลี่ยนและติดตามธุรกรรมในประเทศได้ทุกจุด โดยระบบโครงสร้างพื้นฐานการชำระเงินมีบทบาทสำคัญในการติดตามธุรกรรมการชำระเงินระหว่างประเทศตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทาง เพราะทันทีที่การชำระเงินส่งไปถึงประเทศปลายทาง โดยปกติมักจะดำเนินการผ่านโครงสร้างพื้นฐานการชำระเงินในประเทศนั้นๆ
ข้อมูลเกี่ยวกับ SWIFT
SWIFT เป็นผู้ให้บริการรับและส่งข้อความทางการเงินที่ปลอดภัยระดับแนวหน้าของโลก ภายใต้รูปแบบองค์กรที่มีสมาชิกทั่วโลกเป็นเจ้าของร่วมกัน เรามอบแพลตฟอร์มการรับและส่งข้อความทางการเงิน และการกำหนดมาตรฐานการสื่อสาร ตลอดจนผลิตภัณฑ์และบริการต่างๆ ให้แก่สมาชิก เพื่ออำนวยความสะดวกในการเข้าถึงและบูรณาการ การระบุตัวตน การวิเคราะห์ และการปฏิบัติตามระเบียบข้อกำหนดทางการเงิน
แพลตฟอร์มการรับและส่งข้อความทางการเงิน ผลิตภัณฑ์ และบริการของเรา ได้เชื่อมต่อกับธนาคาร สถาบันด้านหลักทรัพย์ หน่วยงานโครงสร้างพื้นฐานภาคการเงิน และลูกค้าองค์กรกว่า 11,000 แห่ง ในมากกว่า 200 ประเทศและเขตปกครอง และแม้ SWIFT จะไม่ได้เป็นผู้จัดเก็บเงินหรือจัดการบัญชีในนามของลูกค้า แต่เราช่วยให้ชุมชนผู้ใช้บริการทั่วโลกสามารถสื่อสารข้อมูลระหว่างกันได้อย่างปลอดภัย เกิดการแลกเปลี่ยนข้อความทางการเงินที่ได้มาตรฐานและไว้วางใจได้ อันเป็นการส่งเสริมธุรกรรมทางการเงินทั้งในระดับโลกและในระดับประเทศ อีกทั้งยังช่วยส่งเสริมให้เกิดการค้าขายและการพาณิชย์ทั่วโลกด้วย
เราแสวงหาความเป็นเลิศในการดำเนินงานอย่างไม่หยุดนิ่งในฐานะผู้ให้บริการที่ได้รับความไว้วางใจจากสถาบันและองค์กรต่างๆ นอกจากนี้เรายังให้ความช่วยเหลือสมาชิกในการแจ้งเตือนเกี่ยวกับภัยคุกคามทางไซเบอร์ และมองหาแนวทางในการลดต้นทุน ลดภาวะความเสี่ยง และขจัดกระบวนการอันไร้ประสิทธิภาพออกไป ผลิตภัณฑ์และบริการของเราช่วยส่งเสริมสมาชิกในกลุ่มในด้านต่างๆ ทั้งการเข้าถึงและผสานข้อมูล บรรลุเป้าหมายด้านระบบธุรกิจอัจฉริยะ มอบข้อมูลอ้างอิง และมอบเกณฑ์ปฏิบัติด้านอาชญากรรมทางการเงิน ขณะเดียวกัน SWIFT ยังช่วยให้เกิดการรวมกลุ่มในภาคอุตสาหกรรมทางการเงิน ทั้งในระดับโลก ระดับภูมิภาค และระดับประเทศ เพื่อกำหนดวิธีปฏิบัติในตลาด สร้างมาตรฐาน และหารือประเด็นปัญหาหรือผลประโยชน์ร่วมของทุกฝ่าย SWIFT ยังมีแผนยุทธศาสตร์ 5 ปี อย่าง SWIFT2020 ที่มุ่งท้าทายการลงทุนด้านระบบรักษาความปลอดภัย ความน่าเชื่อถือ และการเติบโตของแพลตฟอร์มหลักในการรับและส่งข้อความทางการเงิน ขณะเดียวกันก็ยังลงทุนเพิ่มเติมในบริการที่มีอยู่ปัจจุบันและการส่งมอบบริการใหม่ที่สร้างสรรค์ให้ดียิ่งขึ้นด้วย
สำนักงานใหญ่ของ SWIFT ตั้งอยู่ที่ประเทศเบลเยียม โดยธรรมาภิบาลและการสอดส่องดูแลในระดับสากลของ SWIFT ได้ช่วยตอกย้ำถึงความเป็นกลางและเป็นสากลภายใต้โครงสร้างความร่วมมือระหว่างกัน เครือข่ายสำนักงานทั่วโลกของ SWIFT ครอบคลุมศูนย์กลางทางการเงินที่สำคัญทุกแห่ง
กรุณาดูข้อมูลเพิ่มเติมได้จาก www.swift.com หรือติดตามข้อมูลผ่านทาง Twitter: @swiftcommunity และ LinkedIn: SWIFT
โลโก้ - http://photos.prnasia.com/prnh/20160127/8521600559Logo