กอล์ฟ-ณัฐวุฒิ ศรีหมอก หรือ ฟักกลิ้งฮีโร่ เปิดเผยว่า "เรื่องการแต่งงานอยู่นอกเหนือความคิดมากๆ เพราะเราทั้งคู่ไม่เชื่อเรื่องของพิธี ผมรู้นิสัยเบลเหมือนกันว่า เขาเป็นคนไม่ชอบพิธีรีตรองหรือความยุ่งยากใดๆ แต่พอมีลูกด้วยกันเราจะเริ่มเข้าใจว่า การแต่งงานไม่ใช่เรื่องของเราสองคน มีเรื่องของพ่อแม่ ญาติพี่น้อง เป็นการให้เกียรติระหว่างครอบครัวเรากับอีกครอบครัวหนึ่ง เพื่อทำให้เห็นว่าเราสามารถดูแลเขาและครอบครัวได้อย่างเปิดเผย สำหรับลูกสาวที่เขาเลี้ยงดูทะนุถนอมมา เขาก็หวงของเขา เราต้องให้เกียรติบ้านเขาด้วยการทำถูกจารีตประเพณี โดยแต่งงานกัน ก็เลยคิดว่าทำสักครั้งหนึ่งก็ยังดี"
เมื่อมีความคิดจึงเริ่มวางแผนขึ้นมาด้วยตัวเอง "ผมเคยถามเบลล์ว่าอยากแต่งงานไหม เขาก็บอกตลอดว่าไม่อยากมีพิธีอะไร ผมเลยคิดว่าเอาอย่างนี้แล้วกัน แต่งงานมีพิธีง่ายๆ มีแค่แม่ของพวกเรา ลูก กับคนที่รักและสนิทด้วยแค่ 2-3 คน ก็เลยวางแผนกับรายการ The Return of Superman Thailand คุณเต็นท์ กัลป์ กัลย์จาฤก และทีมงานรายการให้ความร่วมมือดีมากเลย เขาคอยช่วยเหลือทำให้เกิดเป็นพิธีขึ้นจริง"
หากใครติดตามชมรายการ The Return of Superman Thailand คงจะทราบดีว่าเหล่าคุณพ่อจะได้รับภารกิจให้ดูแลลูกด้วยตัวเองขณะที่แม่ไม่อยู่ 48 ชั่วโมง จึงเป็นโอกาสดีที่จะได้ตระเตรียมแผนเซอร์ไพรส์พร้อมกับคุณแม่ทั้ง 2 ฝ่ายเพื่อจัดงานแต่งงาน โดยใช้เวลาที่มีอยู่จำกัดนี้สร้างความประทับใจให้กับเบลอย่างเต็มที่
"เพลงที่เราเต้นเป็นเพลงของรายการ PRODUCE 101 ซึ่งเบลชอบมาก มีผู้ชายหล่อเป็นร้อยในรายการ เบลเขาชอบผู้ชายสไตล์เกาหลี แล้วเขาก็บอกว่าเราไม่ใช่สเป็กเขาเลย เราเลยอยากลองทำสิ่งที่เป็นการเรียกร้องความสนใจนิดหน่อยว่า ถึงหน้าตาจะไม่ใช่สเป็ก แต่ถ้าชอบอะไรก็ทำให้ได้ ให้เราเต้นเกาหลีเราก็เต้นได้นะ"
การเตรียมการครั้งนี้ก็ไม่ง่ายอย่างที่คิด เพราะการเต้นสไตล์เกาหลีช่างห่างไกลกับการแร็พที่เขาถนัด ถึงกระนั้นก็ยังพูดอย่างติดตลกว่านี่คือตัวตนอีกด้านหนึ่งของเขาเหมือนกัน "ผมไม่ได้เปลี่ยนตัวเองนะครับ เพราะเราก็เชื่อ
ว่าเรามีความเกาหลี จริงๆ ถ้าจะไปเดบิวท์ก็คงไม่ยากอะไร เข้า SM ได้อยู่แล้ว แต่ด้วยความที่เรารักเมืองไทยก็อยากอยู่ที่ไทยมากกว่า เลยไม่ได้ไปไหนต่อ ซึ่งสิ่งที่ทำไปไม่ได้ไกลตัวเราเท่าไรครับ" ความเหน็ดเหนื่อยกับความพยายามซึ่งไม่ไกลไปจากตัวเขาเท่าไหร่นี้ เป็นบทพิสูจน์ความรักที่เขามีให้กับเบลได้เป็นอย่างดี
นอกจากจะทุ่มเททำในสิ่งที่เบลชอบแล้ว ลูกสาวสุดที่รัก น้องชูใจ ยังมีบทบาทสำคัญในการสร้างเซอร์ไพรส์ครั้งนี้ด้วย "จริงๆ ที่เลือกเวลานี้เพราะชูใจเริ่มพูดได้แล้ว พอพูดได้ก็อยากให้เขาเป็นคนพูดขอแต่งงานเป็นพยานรักให้ครับ เราซ้อมคำนี้มาเป็นอย่างดี ซึ่งเขาก็ทำได้ดี แต่พอสวมแหวนกันปุ๊บ เขากำลังร้องไห้กันอยู่ ชูใจก็โพล่งมาเลยว่า "หนูอึแตก... ซึ่งเป็นสิ่งที่เซอร์ไพรส์กว่าเพราะเราควบคุมอะไรไม่ได้เลย"
ความรู้สึกหลากหลายที่เคลื่อนไหวอยู่ในงานวันนั้น เรียกรวมกันว่า ความสุข "สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นความรู้สึกที่เราเองก็ไม่เคยรู้สึกอย่างนี้มาก่อน เรื่องจริงมันเต็มตื้น มันตื้นตันกว่าที่เราคิด เราไม่คิดว่าเราจะอินกับพิธีแต่งงานหรืออะไรเพราะอยู่ด้วยกันมาตั้งนานแล้ว พอต้องไปอ่านสิ่งที่เขียนเตรียมมาตรงหน้าเขาจริงๆ อยู่ๆ ความรู้สึกนี้มันก็มาเอง น้ำตามันไหลเอง บอกไม่ถูกเลย มันเป็นความสุขอีกอย่างหนึ่ง แล้วเราโชคดีที่มีลูกแล้ว คือลูกได้ทันเห็นพิธีแต่งงานของเรา เรียกได้ว่ามีความสุขและอบอุ่น"
นับตั้งแต่ตอนที่เริ่มวางแผน งานแต่งแสนเซอร์ไพรส์ ผ่านมาจนถึงวันนี้ ความสัมพันธ์และการแสดงออกของทั้งคู่ยังคงเดิมเสมอต้นเสมอปลายไม่เปลี่ยนแปลง "เขาก็เซอร์ไพรซ์เนอะ แต่ไม่ได้ชอบเกาหลีน้อยลงแต่อย่างใด แต่งไม่แต่งก็เหมือนกันเลย ผมว่าในใจลึกๆ เขาคงดีใจ แต่เขาแสดงออกไปอย่างนั้นเอง จริงๆ เขาเขินเราจะตาย แต่เขาเป็นคนแสดงออกไม่เก่ง"
หากแต่... ในความคุ้นเคย จะมีความรู้สึกที่งอกงามจากวันนั้น หยั่งรากลึกเพื่อตอกย้ำความรู้สึกที่ทั้งคู่มีให้กัน ฝังอยู่ในหัวใจของสักขีพยานคนสำคัญที่จะเติบโตขึ้นไปกับความทรงจำที่พ่อจัดพิธีแต่งงานให้กับแม่ด้วยความรักอย่างแท้จริง