นางสาวพรพิวรรณ นิรมลเฉิดฉาย ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายการเงินและบัญชี บริษัท แอ็พพลาย ดีบี จำกัด (มหาชน) หรือ ADB ผู้นำผลิตภัณฑ์กาวและยาแนวและผลิตภัณฑ์เม็ดพลาสติกคอมปาวด์ เปิดเผยว่า ภาพรวมการดำเนินงานว่า 2 เดือนแรกของปีนี้ พบว่าสินค้าประเภทเม็ดพลาสติกพีวีซีมีการเติบโตที่โดดเด่น โดยปัจจุบันบริษัทฯ มีอัตราการใช้กำลังการผลิตเพิ่มขึ้น 20-23% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ใกล้เต็มกำลังการผลิตที่ 1,800 ตันต่อเดือน ซึ่งปริมาณการสั่งซื้อที่เพิ่มมากขึ้นมีปัจจัยมาจากงานโครงการภาครัฐที่มีความต้องการใช้สินค้าอย่างต่อเนื่องและยังได้รับคำสั่งซื้อจากกลุ่มลูกค้าที่ว่าจ้างผลิตสินค้าภายใต้รูปแบบ OEM เพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ จากปัจจัยดังกล่าว บริษัทฯ จึงอยู่ระหว่างดำเนินการปรับแต่งเครื่องจักร 1 สายการผลิต เพื่อเพิ่มกำลังการผลิตติดตั้งเม็ดพลาสติกพีวีซีอีก 250 ตันต่อเดือน รองรับความต้องการใช้ที่เพิ่มขึ้น คาดว่าการปรับปรุงเครื่องจักรจะแล้วเสร็จภายในเดือนเมษายนนี้ หลังจากนั้นจะทำการทดสอบการเดินเครื่องจักรและคาดว่าจะสามารถเริ่มผลิตสินค้าเพื่อจำหน่ายในเดือนพฤษภาคม 2561
ขณะเดียวกัน จะติดตามสถานการณ์และประเมินแนวโน้มความต้องการใช้เม็ดพลาสติกพีวีซีทั้งในและต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง โดยกรณีที่มีคำสั่งซื้อเพิ่มขึ้น บริษัทฯ จะพิจารณาลงทุนเพิ่มประสิทธิภาพเครื่องจักรที่มีอยู่เป็นระบบกึ่งอัตโนมัติ (Semi Auto) ซึ่งจะเพิ่มความรวดเร็วในกระบวนการผลิตเพื่อขยายกำลังการผลิตติดตั้งเม็ดพลาสติกพีวีซีเพิ่มขึ้นจากปัจจุบัน
"หลังจากผ่านมาเกือบ 1 ไตรมาส น่าจะเป็นปีที่ดีของสินค้าเม็ดพลาสติกพีวีซี หลังจากที่มีความต้องการใช้สินค้าเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปลายปีก่อน ส่วนสถานการณ์ราคาน้ำมันในตลาดโลกที่เริ่มเพิ่มขึ้นอีกครั้ง ขณะนี้ยังไม่ส่งผลกระทบกับต้นทุนการผลิตสินค้าในกลุ่มเม็ดพลาสติก อย่างไรก็ตาม ADB เตรียมแผนรับมือโดยการสต๊อกวัตถุดิบไว้ล่วงหน้า 3-6 เดือน พร้อมทั้งวางแผนควบคุมต้นทุนโดยการสรรหาวัตถุดิบทางเลือกใหม่ ที่มีคุณภาพดีแต่มีราคาที่ใกล้เคียงกัน" นางสาวพรพิวรรณ กล่าว
ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายการเงินและบัญชี ADB กล่าวว่า สำหรับความคืบหน้าการพัฒนาสินค้าใหม่ที่เป็นนวัตกรรม ได้แก่ เม็ดพลาสติกพีวีซีเพื่ออุตสาหกรรมการแพทย์ ปัจจุบันมีความก้าวหน้าเป็นที่น่าพอใจ โดยมีลูกค้า 2 ส่วน ซึ่งส่วนแรกจะรับจ้างผลิตในลักษณะ OEM ให้แก่ลูกค้าที่เป็นพาร์ทเนอร์ของบริษัทฯ คาดว่าจะเริ่มการผลิตเพื่อจำหน่ายได้ในไตรมาส 2 ของปีนี้ และส่วนที่จะผลิตเพื่อจำหน่ายให้แก่ลูกค้าทั่วไปนั้น อยู่ระหว่างการพัฒนาคุณสมบัติของผลิตภัณฑ์ คาดว่าจะเริ่มผลิตเพื่อจำหน่ายได้ในช่วงไตรมาสที่ 3 ของปีนี้ นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้จัดตั้งหน่วยงานพัฒนาธุรกิจเพื่อหาโอกาสขยายธุรกิจและติดต่อประสานงานกับหน่วยงานต่างๆ ในองค์กรเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานอีกด้วย