นายวุฒิกร มโนมัยวิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แท็กซี่-บีมจำกัด เปิดเผยว่าหลังจากบริษัทฯ เปิดให้บริการ "แท็กซี่-บีม" แอปพลิเคชั่นสำหรับเรียกแท็กซี่ไปแล้วเมื่อปลายปี 59 ที่ผ่านมา ขณะนี้บริษัทฯ ได้พัฒนาแอปพลิเคชั่นสำหรับเรียกรถแท็กซี่ขึ้นมาใหม่ ใช้ชื่อว่า "ฮาโล-บีม" แอปฯเรียกแท็กซี่สำหรับผู้สูงวัยโดยเฉพาะ เน้นการใช้งานง่ายที่สุด ซึ่งผู้ใช้บริการสามารถโทรตรงหาคนขับแท็กซี่ที่อยู่ในรัศมีการให้บริการได้โดยไม่ต้องใส่จุดรับ-ส่ง และไม่ต้องใส่ข้อความในแอปฯให้ยุ่งยาก รองรับการใช้งานภาษาไทยพร้อมทั้งมีการออกแบบหน้าจอให้ตัวอักษรมีขนาดใหญ่และชัดเจน?อ่านง่าย เพื่อความสะดวกในการใช้งานของผู้สูงอายุปัจจุบันเปิดให้บริการแล้วในจังหวัดกรุงเทพฯ อุบลราชธานี ขอนแก่น เชียงราย และนครราชสีมา ส่วนในอนาคตอันใกล้จะขยายการให้บริการไปที่จังหวัดเชียงใหม่ ภูเก็ต และชลบุรี ต่อไป
ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท แท็กซี่-บีม กล่าวอีกว่า แอปฯเรียกแท็กซี่ส่วนใหญ่มักจะออกแบบให้ผู้ใช้งานในฝั่งของผู้โดยสารจะต้องใส่ข้อมูลที่ระบบร้องขอ เช่น จุดรับและจุดส่ง เพื่อให้ระบบทำการค้นหาและจับคู่กับคนขับที่ว่าง ซึ่งเป็นเรื่องยากสำหรับกลุ่มผู้สูงวัยที่อาจใช้แผนที่ในระบบไม่เป็น หรือแม้กระทั่งข้อจำกัดทางด้านสายตา แอปฯ ฮาโล-บีม จึงได้ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อสร้างความแตกต่างจากแอปอื่นๆในด้านความสะดวกและความง่ายในการใช้งาน ทั้งในรูปแบบของการโทรหาคนขับแท็กซี่ที่อยู่ใกล้ที่สุดโดยตรง ระบบจะแสดงข้อมูลของคนขับแท็กซี่ อาทิ รูปคนขับ เบอร์โทรศัพท์ ทะเบียนรถ ระยะห่าง และระยะเวลาที่จะมารับ พร้อมปุ่มโทรออกหาคนขับแท็กซี่ได้ในคลิกเดียวโดยไม่ต้องใส่ข้อมูลใดๆทั้งสิ้น แต่หากไม่มีรถแท็กซี่ว่างในขณะนั้นผู้โดยสารสามารถโทรเข้าศูนย์บริการแท็กซี่ในพื้นที่นั้นตามเบอร์ที่โชว์ในแอปฯได้ทันทีนอกจากนั้น สิ่งที่เป็นประโยชน์ในฝั่งของคนขับ แอปฯHalo-Beam จะช่วยลดการมองหน้าจอโทรศัพท์ระหว่างขับรถ เนื่องจากผู้โดยสารจะโทรตรงหาคนขับ ถือเป็นการช่วยเพิ่มความปลอดภัยในการขับขี่เพิ่มมากขึ้นด้วย
สำหรับอัตราค่าบริการของแอปฯ ฮาโล-บีม ผู้โดยสารต้องชำระเพิ่มจากค่ามิเตอร์ 20 บาท ยกเว้น เชียงใหม่เพิ่ม 30 บาท และภูเก็ตเพิ่ม 50 บาท ซึ่งปัจจุบันมีจำนวนแท็กซี่ที่รองรับ ประมาณ 4,000 คันทั่วประเทศ โดยในช่วงแรกของการเปิดให้บริการจะเป็นกลุ่มคนขับที่เคยลงทะเบียนแอปฯแท็กซี่-บีมทั้งหมด
"แอปฯ ฮาโล-บีม ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อรองรับสังคมผู้สูงวัย คาดว่าจะได้รับการตอบรับที่ดีจากกลุ่มลูกค้าผู้สูงอายุและผู้ที่ต้องการความง่ายในการใช้งานเป็นหลัก บริษัทฯตั้งเป้าว่าจะมีผู้เข้ามาใช้บริการประมาณ 100,000 รายภายในปี 2561 นี้" นายวุฒิกร กล่าว
นายวุฒิกรเปิดเผยอีกว่า ในอนาคตบริษัทฯ มีแผนพัฒนาแอปพลิเคชั่นในฝั่งของคนขับให้ตอบโจทย์การใช้งานที่ง่ายขึ้น ลดข้อจำกัดต่างๆในการใช้งาน เพื่อช่วยให้คนขับแท็กซี่ซึ่งยังมีอีกจำนวนมากที่ไม่คุ้นชินกับการใช้งานแอปพลิเคชั่นบนสมาร์ทโฟน เพราะกังวลว่าการมองหน้าจอมือถือในระหว่างขับรถ อาจก่อให้เกิดอุบัติเหตุได้ คาดว่าเมื่อพัฒนาแอปฯฝั่งคนขับใหม่เสร็จเรียบร้อย น่าจะได้รับการตอบรับจากคนขับแท็กซี่สมัครเข้ามาร่วมรับงานผ่านแอปฯฮาโหล-บีมไดร์เวอร์ (Halo-BeamDriver)มากยิ่งขึ้น ซึ่งจะช่วยให้มีจำนวนรถแท็กซี่ที่รองรับการให้บริการผ่านแอปฯ ฮาโหล-บีม เพิ่มขึ้นด้วย.