ทั้งนี้ ทางด้านกลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจ ปี 2561 นี้ เป็นปีที่ธุรกิจสถาบันการเงินของไทยจะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างมากอันเนื่องมาจากพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่ธนาคารต้องปรับตัวให้มีความคล่องตัวเตรียมพร้อมในการรองรับกับความไม่แน่นอนของธุรกิจและการแข่งขันที่จะเกิดขึ้น เน้นขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี ช่วยลดต้นทุนการดำเนินงานและเพิ่มรายได้พร้อมทั้งเสริมประสบการณ์ที่ดีให้แก่ลูกค้าภายใต้ยุทธศาสตร์ตีลังกา (Going Upside Down) ประกอบด้วย 1) ลดต้นทุนการให้บริการ รวมถึงการปรับรูปแบบองค์กรให้เกิดความคล่องตัวมากขึ้นโดยใช้เทคโนโลยีดิจิทัล (Lean the Bank) 2) เพิ่มปฏิสัมพันธ์กับลูกค้าปัจจุบันและขยายฐานลูกค้าใหม่โดยเฉพาะลูกค้าบนระบบดิจิทัล (Digital acquisition) 3) สร้างขีดความสามารถและวัฒนธรรมด้านการวิเคราะห์ข้อมูลในทุกภาคส่วนขององค์กร (Data capabilities) 4) สร้างรายได้จากธุรกิจสินเชื่อที่มีผลตอบแทนสูง (High margin lending) 5) ปรับรูปแบบการดำเนินธุรกิจเพื่อให้ธนาคารเป็นจุดเชื่อมต่อระหว่างทุกภาคส่วน (New business model)
นอกจากนี้ ธนาคารยังคงยึดมั่นในแผนการลงทุนอย่างต่อเนื่องเพื่อยกระดับรากฐานทางเทคโนโลยีขององค์กร พร้อมนำเทคโนโลยีใหม่ ๆ ได้แก่ Blockchain, ปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence หรือ AI), Machine Learning และ Cloud Computing เพื่อส่งมอบประสบการณ์ใหม่และสร้างคุณค่าให้แก่ลูกค้าผ่านการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการ รวมถึงให้ความสำคัญเรื่องความปลอดภัยทางเทคโนโลยี (Cyber Security) เพื่อสร้างความมั่นใจแก่ลูกค้า ขณะเดียวกันธนาคารยังคงมุ่งมั่นพัฒนาทรัพยากรบุคคลและเสริมสร้างวัฒนธรรมองค์กร ปลูกฝังทัศนคติและแนวทางในการทำงานรูปแบบใหม่แก่พนักงานทุกระดับ รวมถึงหล่อหลอมวัฒนธรรมองค์กรที่จะให้ความสำคัญกับความรวดเร็วและความคล่องตัวในการทำงานโดยยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลาง โดยในการดำเนินธุรกิจควบคู่ไปกับโครงการ SCB Transformation นี้ ธนาคารยังคงยึดมั่นในการผลักดันและดำเนินตามแผนกลยุทธ์เพื่อต่อยอดผลประกอบการที่ดีในปัจจุบันและสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต