นายพิศาล ธรรมวิเศษ กรรมการผู้จัดการ บริษัท พีดี เฮ้าส์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด หรือ ศูนย์รับสร้างบ้านพีดีเฮ้าส์ เปิดเผยว่า ความต้องการสร้างบ้านหลังใหม่ของผู้บริโภค ในช่วงไตรมาสแรกยังขยายตัวต่อเนื่อง ประเมินจากจำนวนผู้บริโภคที่ติดต่อสอบถามเข้ามายัง ศูนย์รับสร้างบ้านพีดีเฮ้าส์ ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด และยอดขายบ้านที่เป็นไปตามเป้าที่ตั้งไว้ หรือคิดเป็นมูลค่ารวม 270 ล้านบาทเศษ (เฉลี่ยสาขาละ 8-10 ล้านบาท) โดยระดับราคาบ้านที่ผู้บริโภคเลือกปลูกสร้างบ้านกับบริษัทฯ แบ่งออกเป็น กลุ่มราคาบ้านไม่เกิน 3 ล้านบาท จำนวน 24 หน่วย กลุ่มราคาบ้าน 3 - 6 ล้านบาท จำนวน 28 หน่วย และ กลุ่มราคาบ้าน 6-10 ล้านบาทเศษ จำนวน 9 หน่วย ทั้งนี้จากสถานการณ์ดังกล่าว สะท้อนได้ว่า 1.ผู้บริโภคที่ใช้บริการบริษัทรับสร้างบ้านยังคงเน้นคุณภาพเป็นสำคัญ และ 2.ผู้บริโภคยุค 4.0 ใส่ใจการสร้างบ้านประหยัดพลังงานและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากยิ่งขึ้น ซึ่งทั้ง 2 เหตุผลที่กล่าวมา นับเป็นจุดแข็งและจุดขายของ พีดีเฮ้าส์ ที่ใช้เป็นกลยุทธ์แข่งขันในตลาดรับสร้างบ้านตลอดมา ถึงแม้ว่าตลาดรับสร้างบ้านจะชะลอตัวและมีการแข่งขันราคากันสูงมากในช่วง 3 ปีที่ผ่านมาก็ตาม บริษัทฯ ก็ไม่กระโจนเข้าร่วมสงครามราคาแต่อย่างใด
"ภาวะตลาดรับสร้างบ้านไตรมาสแรก ยังคงมีการแข่งขันกันค่อนข้างรุนแรง ทั้งการแข่งขันราคาหรือแม้กระทั่งการใช้วิธีโจมตีคู่แข่งขัน อย่างเช่น โจมตีเรื่องระบบแฟรนไชส์รับสร้างบ้าน โจมตีเรื่องราคาแพงและตัดราคาขาย ซึ่งมีทั้งในรูปแบบเสนอราคาต่อตารางเมตรต่ำกว่าปกติ หรือใช้วิธีไม่คิดรวมภาษีมูลค่าในราคาบ้าน ฯลฯ เป็นต้น อย่างไรก็ดี กลุ่มผู้บริโภคที่มีการศึกษาและเปรียบเทียบรายละเอียดต่าง ๆ อาทิเช่น บริการก่อนและหลังการขาย คุณภาพวัสดุที่ใช้ก่อสร้าง ขนาดพื้นที่ใช้สอยที่แท้จริง ผลงานและประสบการณ์จากผู้ที่เคยใช้บริการ ฯลฯ สุดท้ายผู้บริโภคจะตัดสินใจจากข้อมูลที่เป็นจริง รวมถึงประโยชน์ที่ได้รับและความน่าเชื่อถือของผู้ประกอบการมากกว่า ดังนั้นผู้ประกอบการควรจะสร้างจุดเด่นหรือจุดขายของตัวเองให้ชัดเจน เพื่อใช้แข่งขันและตอบโจทย์ผู้บริโภคแทนการมุ่งโจมตีกัน"
ยุคนี้เป็นยุคของข้อมูลข่าวสารที่ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงได้ง่าย จึงอยากเห็นผู้ประกอบการรับสร้างบ้านทั้งรายเดิมและรายใหม่ หันมามุ่งแข่งขันกันพัฒนาคุณภาพสินค้าและบริการให้มาก ๆ โดยเฉพาะการก้าวทันเทคโนโลยีสื่อสาร เพื่อนำเสนอธุรกิจรับสร้างบ้านให้เป็นทางเลือกผู้บริโภค สำหรับการจะมีบ้านหรือที่อยู่อาศัยหลังใหม่ ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด ตลอดจนการนำเทคโนโลยีการสร้างบ้านสมัยใหม่ ทั้งระบบโครงสร้างสำเร็จรูปหรือกึ่งสำเร็จรูป มาใช้ทดแทนแรงงานฝีมือที่ขาดแคลน เพื่อจะสามารถรับงานสร้างบ้านได้มากขึ้น และส่งมอบบ้านที่มีคุณภาพให้แก่ผู้บริโภค อันจะเป็นการสร้างภาพลักษณ์ให้กลุ่มธุรกิจรับสร้างบ้านมีความน่าเชื่อถือ และเป็นที่ยอมรับมากขึ้นทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด นายพิศาลกล่าว
ด้าน น.ส.ถิรพร สุวรรณสุต ผู้จัดการฝ่ายการตลาด เผยว่า แนวโน้มความต้องการสร้างบ้านของผู้บริโภคและประชาชนในช่วงเดือนเมษายนอาจทรงตัวหรือชะลอลงเล็กน้อย ด้วยเพราะเป็นช่วงเทศกาลและมีวันหยุดยาวต่อเนื่อง ซึ่งส่งผลให้ตลาดรับสร้างบ้านปรับตัวไปในทิศทางเดียวกัน จึงคาดว่าผู้ประกอบการชั้นนำบางราย น่าจะพยายามชิงแชร์ส่วนแบ่งตลาดหรือเร่งยอดขายในช่วงนี้ ผ่านกิจกรรมการตลาดกันพอสมควร ในส่วนของ พีดีเฮ้าส์ ก็พร้อมแข่งขันชิงแชร์ส่วนแบ่งตลาด โดยเตรียมจัดงาน "พีดีเฮ้าส์ ออนไลน์ เอ็กซ์โป" ขึ้นในรูปแบบอีเวนท์ออนไลน์ระหว่าง วันที่ 25-29 เมษายน 2561 นี้ ซึ่งลูกค้าหรือผู้บริโภคที่สนใจสร้างบ้าน ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด สามารถเข้าชมบูธออนไลน์ได้โดยสะดวกทุกที่ ทุกเวลา ผ่านทาง www.thaionlinefair.com พร้อมกันนี้ บริษัทฯ ยังได้จัดโปรโมชั่นพิเศษ ภายใต้แคมเปญ "โปรดับร้อน" เมื่อลูกค้าตัดสินใจจองสร้างบ้านกับพีดีเฮ้าส์ ราคา 5 ล้านบาทขึ้นไป รับทันที 1.ส่วนลดเงินสด 2 แสนบาท เมื่อวางเงินจอง 1 แสนบาท 2.แถมฟรี เครื่องปรับอากาศ DAIKIN ขนาด 18000 BTU จำนวน 4 เครื่อง 3.แถมฟรี ระบบ Smart home solution หรือระบบควบคุมอุปกรณ์เปิด-ปิดไฟฟ้า มูลค่า 6 หมื่นบาท และส่วนลดและของแถมอื่นๆ (ตามราคาบ้าน) โปรฯ พิเศษนี้ มอบให้ลูกค้าเฉพาะ 5 วันของการจัดงานฯ เท่านั้น ตั้งเป้ากวาดยอดจอง 100 ล้านบาท