พลตำรวจเอก อดุลย์ แสงสิงแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยภายหลังเป็นประธานเปิดโครงการ "ส่งน้องกลับบ้านเทศกาลสงกรานต์" ประจำปี 2561 ณ บริษัท บิ๊กสตาร์ จำกัด เขตบางขุนเทียน กรุงเทพฯ วันที่ 10 เมษายน 2561 ว่า รัฐบาลมีความห่วงใยผู้ใช้แรงงานที่จะต้องเดินทางกลับบ้านในช่วงเทศกาลสงกรานต์ปีนี้ กระทรวงแรงงานจึงได้ขอความร่วมมือไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐ รัฐวิสาหกิจ รวมไปถึงนายจ้าง เจ้าของสถานประกอบกิจการต่าง ๆ ในการอำนวยความสะดวกและให้ความรู้แก่ลูกจ้างทั้งแรงงานไทยและแรงงานต่างด้าว เพื่อเตรียมความพร้อมในการเดินทางกลับภูมิลำเนาเพื่อเยี่ยมครอบครัวและร่วมกิจกรรมตามประเพณีนิยมเนื่องในเทศกาลสงกรานต์ ทั้งในเรื่องของเส้นทางการเดินทาง การเตรียมยานพาหนะ วินัยจราจร รวมถึงการให้ความรู้เกี่ยวกับเอกสารหลักฐานที่ต้องใช้ประกอบการเดินทางสำหรับลูกจ้างที่เป็นแรงงานต่างด้าว เป็นต้น สำหรับกิจกรรม "ส่งน้องกลับบ้านเทศกาลสงกรานต์" ในวันนี้ถือเป็นความร่วมมือตามกลไกประชารัฐระหว่างภาครัฐและภาคเอกชนที่จะร่วมกันเตรียมความพร้อมให้กับลูกจ้างที่จะเดินทางกลับภูมิลำเนาให้สามารถเดินทางได้อย่างปลอดภัย รวมถึงการจัดกิจกรรมสร้างจิตสำนึกในการเดินทางด้วยความปลอดภัย ลดการประสบอันตรายและอุบัติเหตุบนท้องถนน โดยเริ่ม Kick off ที่บริษัท บิ๊กสตาร์ จำกัด ซึ่งมีพนักงานที่เป็นลูกจ้างไทยและต่างด้าวรวมกันกว่า 2,500 คน โดยในวันนี้กระทรวงแรงงานจะร่วมกับทางบริษัทฯ ส่งพนักงานกลับบ้าน ซึ่งหวังว่าการเตรียมความพร้อมในวันนี้จะช่วยให้แรงงานสามารถเดินทางไปและกลับได้อย่างปลอดภัย และเป็นส่วนหนึ่งของความร่วมมือลดการประสบอันตราย โดยเฉพาะอุบัติเหตุบนท้องถนนอีกทางหนึ่งด้วย
รมว.แรงงาน กล่าวเพิ่มเติมว่า ในส่วนของการดูแลผู้ใช้แรงงานที่เดินทางในช่วงเทศกาลสงกรานต์ กระทรวงแรงงาน ได้ประสานกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติในการอำนวยความสะดวกแก่แรงงานต่างด้าวที่คณะรัฐมนตรีมีมติพิจารณาผ่อนผันให้สามารถเดินทางกลับประเทศต้นทางเพื่อร่วมงานประเพณีสงกรานต์และกลับเข้ามาในประเทศไทยได้ตั้งแต่วันที่ 5 ถึง 30 เมษายน 2561 นอกจากนี้ได้เปิดคลินิกช่างให้บริการตรวจความพร้อมยานพาหนะที่ใช้เดินทาง เปิดให้บริการนวดผ่อนคลาย จัดรถบริการตรวจสุขภาพเคลื่อนที่ แจกเวชภัณฑ์ให้กับผู้ใช้แรงงาน ณ สถานีขนส่งหลัก การดูแลลูกจ้างที่เป็นผู้ประกันตนกรณีเจ็บป่วยฉุกเฉินหรือประสบอุบัติเหตุระหว่างการเดินทางให้สามารถเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาลที่อยู่ใกล้ที่สุดได้ทันที ตลอดจนเปิดบริการสายด่วน 1506 คอยให้ความช่วยเหลือตลอดช่วงเวลาดังกล่าวตลอด 24 ชั่วโมง