นางสาวประภารัตน์ ตังควัฒนา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท นอร์ติส เอนเนอยี่ จำกัด เปิดเผยว่า ได้ลงนามในสัญญาบันทึกข้อตกลง (MOU) กับเอนเนอร์โก แลบส์ ผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีบล็อกเชน ค่ายยักษ์ใหญ่ซึ่งมีสำนักงานใหญ่ในเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน เพื่อร่วมกันพัฒนาระบบบล็อกเชน หรือระบบเก็บข้อมูลที่มีประสิทธิภาพและปลอดภัยมากที่สุด อันเนื่องมาจากก่อนหน้านี้ นอร์ติส กรุ๊ป ได้เปิดตัว "ดิจิมินต์" (Digimint) สกุลเงินดิจิทัลด้านพลังงานครั้งแรกของเมืองไทย และได้รับผลตอบรับเป็นอย่างดี ซึ่งการร่วมมือกับเอนเนอร์โกในครั้งนี้จะช่วยให้นอร์ติสพัฒนาแพลตฟอร์มบล็อกเชนของสกุลเงินดังกล่าวให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ในทางกลับกันนอร์ติสจะผลักดันให้เอนเนอร์โกเข้าสู่ตลาดไทย โดยการนำระบบการซื้อขายพลังงานหมุนเวียนแบบกระจายศูนย์ของเอนเนอร์โก มาเพิ่มประสิทธิภาพให้กับระบบไมโครกริด (Microgrid) ในประเทศไทยอีกด้วย
"การลงนามในครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญของนอร์ติส กรุ๊ป ในการเดินหน้าขยายธุรกิจด้านพลังงาน โดยอาศัยลักษณะเด่นของเทคโนโลยีบล็อกเชนในด้านความโปร่งใสและตรวจสอบได้ของข้อมูล เรามองว่า "ดิจิมินต์" ไม่เพียงแต่จะทำให้เกิดความต้องการสินทรัพย์ด้านการลงทุนในรูปแบบอื่น ๆ ที่ไม่เคยมีมาก่อนในตลาด แต่รวมไปถึงในแวดวงพลังงานอย่างยืนทั่วโลกด้วย" ประภารัตน์กล่าว
สำหรับวิสัยทัศน์ของเอนเนอร์โกเป็นชุมชนแบบ "พลังงานอัตโนมัติกระจายศูนย์" หรือ Decentralized Autonomous Energy (DAE) บนบล็อกเชนแบบกระจายศูนย์ ซึ่งสมาชิกในชุมชนสามารถแลกเปลี่ยนพลังงานแสงอาทิตย์ด้วยตัวเองได้โดยตรง ผ่านแอพพลิเคชั่นบนอุปกรณ์เคลื่อนที่ (Mobile Device) ซึ่งเป็นระบบที่สามารถปรับเปลี่ยนได้และประหยัดค่าใช้จ่าย โดยเอนเนอร์โกประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากในการพัฒนาการระดมทุนสกุลเงินดิจิทัลในระยะเริ่มต้น หรือ ICO (Initial Coin Offering) บนระบบบล็อกเชน พีทูพี หรือ P2P (peer-to-peer) นวัตกรรมทางการเงินรูปแบบใหม่ที่กำลังประสบความสำเร็จในระดับโลก โดยมีเครือข่ายครอบคลุมภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ได้แก่ ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย เวียดนาม สิงคโปร์ และไทย
ด้าน ไคไค หยาง ผู้ร่วมก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ เอนเนอร์โก้ แลบส์ ผู้เชี่ยวชาญเทคโนโลยีบล็อกเชน กล่าวว่า "เรามองว่า ระบบ DAE อยู่ไม่ไกลเกินเอื้อม และเชื่อว่า มันจะกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตมนุษย์ในอนาคต โดยเฉพาะเมื่อมองดูความก้าวหน้าของเทคโนโลยีอย่างบล็อกเชน ควบคู่ไปกับพัฒนาการอย่างก้าวกระโดดของพลังงานหมุนเวียนในปัจจุบัน"
จากผลการสำรวจ ประเทศไทยมีการเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศ หรือ GDP (Gross Domestic Product) อย่างแข็งแกร่ง 3.9% ในปี พ. ศ. 2560 และคาดว่า จะมีความต้องการพลังงานเพิ่มขึ้นเกือบ 20% ในช่วง 20 ปีข้างหน้า นับเป็นช่วงเวลาที่สมบูรณ์แบบสำหรับปูพรมให้กับเทคโนโลยีใหม่ ๆ ด้านพลังงานหมุนเวียน โดยในอนาคต พลังงานหมุนเวียนจะมีสัดส่วนมากกว่า 3% ของการใช้พลังงานภายในประเทศภายในปี พ.ศ. 2579 บริษัท ที่มีบทบาทสำคัญด้านพลังงานจะมีบทบาทสำคัญในการรักษาความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อมและเศรษฐกิจ ควบคู่ไปกับการพัฒนาของประเทศในอีกหลายทศวรรษข้างหน้า
ทั้งนี้ นอร์ติส กรุ๊ป นับเป็นหนึ่งในผู้นำนวัตกรรมด้านพลังงานทดแทนในเมืองไทย ซึ่งมีการลงทุนที่หลากหลาย และให้ความสำคัญกับธุรกิจบล็อกเชน ให้บริการด้านการลงทุนและให้คำปรึกษาเกี่ยวกับระบบพลังงานแสงอาทิตย์ ให้ความช่วยเหลือด้านการวิจัย การออกใบอนุญาต งานวิศวกรรม และงานติดตั้ง นอกจากนั้น นอร์ติส ยังเป็นผู้คิดค้นระบบ "โซลาร์ลา" (SOLARLAA Platform) แอพพลิเคชั่นผู้ช่วยส่วนตัวที่ให้ความเห็นและคำแนะนำในการตัดสินใจลงทุนด้านพลังงานแสงอาทิตย์ และการติดตั้งโซลาร์เซลล์บ้านหลังคาบ้าน ผ่านทางแอพพลิเคชั่นบนโทรศัพท์มือถือ (Mobile Device) ซึ่งมีผู้ใช้แล้วกว่า 513 อำเภอในประเทศไทย โดยสามารถช่วยคนไทยทั้งประเทศประหยัดค่าไฟได้ถึงเดือนละ 30%
"การประหยัดพลังงานเริ่มต้นง่าย ๆ ทุกคนสามารถทำได้ โดยเทคโนโลยีของแอพพลิเคชั่น "โซลาร์ลา" จะช่วยสร้างแรงจูงใจในการประหยัดพลังงานร่วมกัน และใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพอย่างยั่งยืน" ประภารัตน์กล่าวปิดท้าย