ทริสเรทติ้งลดอันดับเครดิตองค์กร “บ. ชาญอิสสระ ดีเวล็อปเมนท์” เป็น “BB+” จาก “BBB-” ด้วยแนวโน้ม “Stable”

จันทร์ ๒๓ เมษายน ๒๐๑๘ ๑๔:๒๗
ทริสเรทติ้งลดอันดับเครดิตองค์กรของ บริษัท ชาญอิสสระ ดีเวล็อปเมนท์ จำกัด (มหาชน) เป็น "BB+" จาก "BBB-" ซึ่งสะท้อนถึงขนาดธุรกิจของบริษัทที่ค่อนข้างเล็กเมื่อเทียบกับบริษัทที่ได้รับการจัดอันดับเครดิตโดยทริสเรทติ้ง ผลการดำเนินงานที่ผันผวนและอ่อนแอลงของบริษัท ในขณะที่ภาระหนี้ก็คาดว่าจะยังทรงตัวอยู่ในระดับสูงด้วย

อันดับเครดิตสะท้อนรวมถึงแบรนด์ของบริษัทเป็นที่ยอมรับในตลาดคอนโดมิเนียมระดับราคาปานกลางถึงสูงและในธุรกิจโรงแรม นอกจากนี้ อันดับเครดิตยังสะท้อนถึงรายได้ที่สม่ำเสมอของบริษัทจากอาคารสำนักงานให้เช่าและเงินปันผลรับจากการลงทุนในทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์โรงแรมศรีพันวา (SRIPANWA) และกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์บางกอก (BKKCP) ในขณะเดียวกัน การประเมินอันดับเครดิตยังคำนึงถึงลักษณะของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นวงจรขึ้นลงและมีการแข่งขันสูงอีกด้วย

ประเด็นสำคัญที่กำหนดอันดับเครดิต

ขนาดธุรกิจที่ค่อนข้างเล็ก

ขนาดธุรกิจของบริษัทค่อนข้างเล็กเมื่อเทียบกับบริษัทที่ได้รับการจัดอันดับเครดิตโดยทริสเรทติ้ง บริษัทมีสินค้าที่อยู่อาศัยที่หลากหลายแต่ก็มีจำนวนโครงการที่อยู่ระหว่างการพัฒนา ณ เดือนธันวาคม 2560 เพียง 13 โครงการซึ่งมีทำเลที่ตั้งอยู่ในเขตกรุงเทพฯ และในจังหวัดซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยม โครงการดังกล่าวมีมูลค่าเหลือขายทั้งสิ้นประมาณ 9,724 ล้านบาท โดยประมาณ 75% ของมูลค่าดังกล่าวเป็นโครงการที่อยู่ระหว่างก่อสร้างและส่วนที่เหลือเป็นโครงการพร้อมขาย หากแบ่งตามประเภทของโครงการ มูลค่าเหลือขายดังกล่าวแบ่งเป็นโครงการบ้านเดี่ยวประมาณ 50% และที่เหลือมาจากโครงการคอนโดมิเนียมและโครงการวิลล่า

รายได้ของบริษัทขึ้นอยู่กับยอดขายของโครงการเพียงไม่กี่แห่งเป็นสำคัญเนื่องจากบริษัทมีโครงการจำนวนน้อย บริษัทมีรายได้อยู่ในช่วง 2,200-2,600 ล้านบาทต่อปีในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา โดยในปี 2560 บริษัทมีรายได้อยู่ที่ 2,198 ล้านบาท สัดส่วนรายได้ของบริษัทประกอบด้วยรายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์ 69% รายได้จากกิจการโรงแรม 27% และรายได้จากค่าเช่าและบริการ 4%

ผลการดำเนินงานที่ต่ำกว่าคาด

ผลการดำเนินงานของบริษัทในปี 2560 ต่ำกว่าประมาณการของทริสเรทติ้ง กล่าวคือ บริษัทมีรายได้อยู่ที่ 2,198 ล้านบาทในปีดังกล่าว ซึ่งลดลงถึง 14% จากปี 2559 โดยรายได้ส่วนใหญ่มาจากการโอนห้องชุดคอนโดมิเนียมจากโครงการที่เหลือขาย บริษัทมียอดขายในปี 2560 อยู่ที่ 1,057 ล้านบาท ลดลงจาก 1,608 ล้านบาทในปี 2559 เนื่องจากบริษัทไม่มีการเปิดขายโครงการใหม่ในปีดังกล่าวเลย ทั้งนี้ ยอดขายในปี 2560 เกือบทั้งหมดมาจากโครงการคอนโดมิเนียม บริษัทมียอดขายรอรับรู้รายได้ ณ สิ้นปี 2560 จำนวน 1,541 ล้านบาทและมีแผนจะโอนที่อยู่อาศัยเกือบทั้งหมดจากยอดขายดังกล่าวให้แก่ลูกค้าในช่วงปี 2561-2562 ในการนี้ ยอดขายจำนวน 1,300 ล้านบาทคาดว่าจะรับรู้เป็นรายได้ในปี 2561 และจำนวน 241 ล้านบาทจะรับรู้เป็นรายได้ในปี 2562

อัตราส่วนกำไร (อัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานก่อนค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายต่อรายได้) ของบริษัทเท่ากับ 10% ในปี 2559 และ 11% ในปี 2560 ลดลงจาก 17% ในปี 2558

บริษัทมียอดขายในโครงการในปัจจุบันที่ต่ำกว่าคาด ในขณะที่ค่าใช้จ่ายค่อนข้างทรงตัวอยู่ที่ประมาณ 650-750 ล้านบาทต่อปีในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ยอดขายที่ลดลงส่งผลให้อัตราส่วนกำไรของบริษัทต่ำกว่าที่เคยคาดไว้ที่ระดับ 15%

ภายใต้สมมติฐานเบื้องต้นของทริสเรทติ้งสะท้อนปัจจัย 2 ประการ คือ บริษัทมีโครงการพร้อมขายจำนวนไม่มากและมียอดขายรอรับรู้รายได้ในสัดส่วนที่ต่ำ จึงทำให้คาดว่าบริษัทจะมีรายได้อยู่ในช่วง 2,400-2,600 ล้านบาทต่อปีในช่วงปี 2561-2563 และอัตราส่วนกำไรคาดว่าจะรักษาระดับอยู่ที่ 10%-12% ในช่วง 3 ปีข้างหน้า

แบรนด์สินค้าซึ่งเป็นที่ยอมรับในกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย

สินค้าที่อยู่อาศัยของบริษัทเน้นไปที่กลุ่มลูกค้าที่มีรายได้ในระดับปานกลางถึงสูงโดยพัฒนาภายใต้แบรนด์ "อิสสระ" และ "บ้านอิสสระ" ซึ่งเป็นที่ยอมรับทั้งในด้านคุณภาพและการออกแบบที่สอดคล้องกับวิถีชีวิตของลูกค้า

บริษัทเริ่มพัฒนาที่อยู่อาศัยราคาระดับบนสำหรับขายและเปิดโครงการโรงแรมบูติคหรูโครงการแรกในชื่อ "ศรีพันวา" ที่จังหวัดภูเก็ตในปี 2546 ซึ่งโรงแรมศรีพันวาเริ่มให้บริการในปี 2549 และช่วยเพิ่มมูลค่าให้แก่วิลล่าอยู่อาศัยที่เปิดขายภายในโครงการด้วย โรงแรมศรีพันวาจัดเป็นโรงแรมที่มีคุณภาพและบริการในระดับสูงและได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้าโดยเฉพาะลูกค้าชาวจีน จึงเป็นผลให้บริษัทได้สัญญารับจ้างบริหารโรงแรมแห่งใหม่ภายใต้แบนรด์ "ศรีพันวา" ในจังหวัดไห่หนาน ประเทศจีน อีกด้วย อย่างไรก็ตาม สัดส่วนรายได้จากการบริหารงานโรงแรมของบริษัทยังมีไม่มากนัก

บริษัทเริ่มพัฒนาโรงแรมบูติคแบรนด์ที่สองซึ่งมีชื่อว่า "บาบาบีช" ภายใต้กิจการร่วมค้า 2 แห่ง โดยกิจการร่วมค้าแห่งแรกจัดตั้งขึ้นในปี 2558 ร่วมกับ Junfa Real Eatate Co., Ltd. ในสัดส่วน 70:30 และกิจการร่วมค้าแห่งที่สองจัดตั้งขึ้นในปี 2559 ในสัดส่วน 50:25:25 ร่วมกับ บริษัท สหพัฒนพิบูล จำกัด และ บริษัท ไอ.ซี.ซี. อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) บริษัทพัฒนาโรงแรม 2 แห่งภายใต้แบรนด์ "บาบาบีช" โดยแห่งแรกตั้งอยู่ในจังหวัดพังงา และอีกแห่งตั้งอยู่ในอำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี ปัจจุบันโรงแรมทั้ง 2 แห่งเพิ่งเปิดให้บริการ ดังนั้นความสำเร็จของทั้ง 2 โครงการจึงยังคงต้องติดตามผลต่อไป

รายได้ประจำจากการลงทุนในกองทุน SRIPANWA และ BKKCP

ในปี 2556 บริษัทได้ขายโรงแรมศรีพันวาโครงการที่ 1 ให้แก่กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์โรงแรมศรีพันวา (SPWPF) และบันทึกกำไรจำนวน 767 ล้านบาท ต่อมาในปี 2559 SPWPF ได้แปลงสภาพไปเป็นทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์โรงแรมศรีพันวา หรือ SRIPANWA ในขณะเดียวกัน บริษัทก็ขายโรงแรมศรีพันวาโครงการที่ 2 ให้แก่ SRIPANWA ด้วยและบันทึกกำไรจำนวน 429 ล้านบาท บริษัทมีการลงทุนใน SRIPANWA ในสัดส่วน 30% และยังมีแผนจะขายโรงแรมบาบาบีชมูลค่าประมาณ 600 ล้านบาทให้แก่ SRIPANWA ในปี 2561 อีกด้วย

บริษัทได้เช่าโรงแรมกลับจาก SRIPANWA เพื่อดำเนินธุรกิจโรงแรม สัดส่วนกำไรจากการดำเนินงานธุรกิจโรงแรมค่อนข้างต่ำเนื่องจากค่าใช้จ่ายในการเช่ากลับโรงแรมและค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานค่อนข้างสูง นอกจากนี้ บริษัทยังมีรายได้จำนวน 80-90 ล้านบาทต่อปีจากค่าเช่าและค่าบริการจากอาคารสำนักงานให้เช่าชาญอิสสระทาวเวอร์ 1 และชาญอิสสระทาวเวอร์ 2 รวมถึงเงินปันผลรับจากการลงทุนใน SRIPANWA และกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์บางกอก หรือ BKKCP อีกประมาณ 50-60 ล้านบาทต่อปีด้วย

อุตสาหกรรมที่เป็นวงจรขึ้นลงและมีการแข่งขันสูง

ความต้องที่อยู่อาศัยมีความสัมพันธ์กับสภาวะเศรษฐกิจเป็นอย่างมาก จากภาวะชะลอตัวของเศรษฐกิจภายในประเทศและความกังวลต่อภาระหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูงส่งผลให้นโยบายการปล่อยสินเชื่อของธนาคารมีความเข้มงวดมากขึ้นในช่วงที่ผ่านมา อัตราการปฏิเสธสินเชื่อจากธนาคารเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มลูกค้าที่อยู่อาศัยระดับราคาต่ำ (ราคาต่ำกว่า 3 ล้านบาทต่อหลัง) เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการปฏิเสธสินเชื่อจากธนาคาร ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์หลาย ๆ ราย รวมทั้งบริษัทจึงหันไปพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยราคาสูง อย่างไรก็ตาม ปริมาณความต้องการที่อยู่อาศัยราคาสูงนั้นมีต่ำกว่าตลาดที่อยู่อาศัยราคาต่ำอยู่มาก ดังนั้น การเพิ่มขึ้นอย่างมากของที่อยู่อาศัยราคาสูงจึงส่งผลให้การแข่งขันระหว่างผู้ประกอบการจะยิ่งทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น

ภาระหนี้ที่ยังคงอยู่ในระดับสูง

บริษัทมีภาระหนี้อยู่ในระดับสูง บริษัทรายงานภาระหนี้ ณ เดือนธันวาคม 2560 เท่ากับ 3,959 ล้านบาท เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจาก 3,682 ล้านบาทในปี 2559 และ 3,450 ล้านบาทในปี 2558 ภาระหนี้ของบริษัทเพิ่มขึ้นเนื่องจากการพัฒนาโรงแรมใหม่จำนวน 2 แห่งซึ่งจะแล้วเสร็จและสร้างรายได้ให้บริษัทในอีก 2 ปีข้างหน้า ณ สิ้นปี 2560 บริษัทมีอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนอยู่ที่ 61.06% อย่างไรก็ตาม ทริสเรทติ้งได้พิจารณามูลค่าปัจจุบันของสัญญาเช่าโรงแรมของบริษัทกับ SRIPANWA เป็นภาระทางการเงินอีกประมาณ 250-270 ล้านบาทต่อปีในช่วง 12 ปีข้างหน้าด้วย ส่งผลให้อัตราส่วนเงินกู้รวม (ปรับปรุงจากสัญญาเช่าโรงแรมศรีพันวา) ต่อโครงสร้างเงินทุนของบริษัทอยู่ในระดับสูงกว่า 70% มาตั้งแต่ปี 2558 ซึ่ง

ณ สิ้นปี 2560 อัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนที่ปรับปรุงแล้วของบริษัทอยู่ที่ระดับ 70.43%

ในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า บริษัทมีแผนการเปิดโครงการคอนโดมิเนียมใหม่มูลค่าประมาณ 2,000-3,000 ล้านบาทต่อปีในช่วงปี 2561-2562 อีกทั้งบริษัทยังมีแผนจะลงทุนเพิ่มในโครงการโรงแรมและอสังหาริมทรัพย์เพื่อการพาณิชย์ โดยการลงทุนของบริษัทจะใช้เงินทุนจากการขายทรัพย์สินบางส่วนให้แก่ SRIPANWA ซึ่งบริษัทวางแผนจะขายโรงแรมแห่งใหม่ในบาบาบีชคลับในช่วงปลายปี 2561 นี้ ยิ่งไปกว่านั้น บริษัทยังมีเงินลงทุนสัดส่วน 15.98% ในที่ดินแปลงใหญ่ผ่าน บริษัท อินเตอร์เนชั่นแนล รีซอร์ท ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด ซึ่งสามารถใช้เป็นแหล่งเงินทุนได้อีกด้วย โดยราคาประเมินของที่ดินแปลงดังกล่าวมีมูลค่าประมาณ 2,500 ล้านบาท ดังนั้น ภายใต้สมมติฐานพื้นฐานของทริสเรทติ้งจึงคาดว่าบริษัทจะสามารถรักษาอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนที่ปรับปรุงแล้วให้อยู่ที่ประมาณ 65%-70% ในช่วง 2-3 ปีข้างหน้าเอาไว้ได้

สภาพคล่องอยู่ในระดับปานกลาง

บริษัทมีสภาพคล่องอยู่ในระดับปานกลาง โดย ณ เดือนธันวาคม 2560 บริษัทมีเงินสดจำนวน 282 ล้านบาท มีเงินลงทุนชั่วคราวจำนวน 251 ล้านบาทและมีวงเงินกู้ยืมระยะยาวที่ยังไม่ได้เบิกใช้อีก 2,899 ล้านบาท ในขณะที่ภาระหนี้ที่จะครบกำหนดชำระในอีก 12 เดือนข้างหน้ามีจำนวน 1,286 ล้านบาทซึ่งประกอบด้วยเงินกู้ยืมระยะสั้นจำนวน 367 ล้านบาท เงินกู้ยืมระยะยาวจำนวน 619 ล้านบาท และหุ้นกู้อีกจำนวน 300 ล้านบาท บริษัทวางแผนจะชำระคืนหนี้หุ้นกู้ที่จะครบกำหนดไถ่ถอนด้วยเงินสดจากการออกหุ้นกู้ชุดใหม่ ในช่วงปี 2561-2563 อัตราส่วนกำไร (ก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย) ต่อดอกเบี้ยจ่ายคาดว่าจะอยู่ในระดับไม่ต่ำกว่า 2 เท่า และอัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อเงินกู้รวมคาดว่าจะอยู่ในระดับประมาณ 5%

แนวโน้มอันดับเครดิต

แนวโน้มอันดับเครดิต "Stable" หรือ "คงที่" สะท้อนถึงการคาดการณ์ว่าสถานะทางการเงินของบริษัทจะไม่อ่อนแอลงไปกว่าระดับปัจจุบันและบริษัทจะสามารถส่งมอบที่อยู่อาศัยในมือที่สร้างแล้วเสร็จได้ตามแผน อัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนของบริษัทคาดว่าจะอยู่ในระดับ 65%-70% และอัตราส่วนกำไรจะรักษาระดับอยู่ที่ประมาณ 10%-12% ในช่วง 3 ปีข้างหน้า

ในช่วงปี 2561-2563 ภายใต้สมมติฐานเบื้องต้นของทริสเรทติ้งคาดว่าบริษัทจะมีรายได้อยู่ในช่วง 2,400-2,600 ล้านบาทต่อปี โดยรายได้จากธุรกิจโรงแรมและอาคารสำนักงานให้เช่าจะอยู่ที่ประมาณ 600-700 ล้านบาทต่อปี และกระแสเงินสดจากการดำเนินงานคาดว่าจะรักษาระดับอยู่ที่ประมาณ 100 ล้านบาทต่อปี

ปัจจัยที่อาจทำให้อันดับเครดิตเปลี่ยนแปลง

การปรับเพิ่มอันดับเครดิตในช่วง 12-18 เดือนข้างหน้ามีค่อนข้างจำกัดแต่ก็อาจเป็นไปได้หากบริษัทสามารถปรับปรุงผลการดำเนินงานให้ดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญจากระดับปัจจุบันและรักษาผลการดำเนินงานที่ดีนั้นไว้ได้เป็นเวลานานในระดับหนึ่ง ในทางตรงกันข้าม อันดับเครดิตและ/หรือแนวโน้มอันดับเครดิตของบริษัทอาจถูกปรับลดลงได้หากผลการดำเนินงานยังคงอ่อนแอลงจากระดับปัจจุบัน

บริษัท ชาญอิสสระ ดีเวล็อปเมนท์ จำกัด (มหาชน) (CI)

อันดับเครดิตองค์กร: BB+

แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๕ พ.ย. ดิ เอราวัณ กรุ๊ป เปิดตัว HOP NextGen ชวนนักศึกษาเยี่ยมชม ฮ็อป อินน์ เรียนรู้เทคนิคบริการแบบ Consistency is Yours พร้อมพัฒนาบุคลากรรุ่นใหม่
๑๕ พ.ย. คิง เพาเวอร์ ต้อนรับเทศกาลแห่งความสุขส่งท้ายปี เปิดแคมเปญ THE POWER OF FUNTASTIC CELEBRATION 2025 ฉลองทุกความสุข สนุกไม่รู้จบ
๑๕ พ.ย. พันธุ์ไทย ชวนแฟนด้อม คัลแลนและพี่จอง จุ่ม การ์ดพันธุ์ไทยใจฟู ลิมิเต็ด อิดิชั่น
๑๕ พ.ย. BAM ทรานส์ฟอร์มองค์กรสู่ DIGITAL ENTERPRISE ตอกย้ำผู้นำ AMC ยุค 4.0 วางเป้าหมายยกระดับองค์กรสร้างโอกาสเติบโตอย่างยั่งยืน เตรียมส่ง อิสระ เดอะซีรีส์ ชวนลูกหนี้ BAM
๑๕ พ.ย. บางจากฯ ได้รับการประเมินด้านความยั่งยืนอันดับสูงสุดของโลก จาก SP Global 2024 ในกลุ่มอุตสาหกรรม Oil Gas Refinery and
๑๔ พ.ย. ซีเอเค อินเตอร์เนชั่นแนล ออกบูธให้ความรู้เรื่องการใช้งานระบบดับเพลิงนร. พระหฤทัยนนทบุรี
๑๒ พ.ย. พนักงานซีเอเค อินเตอร์เนชั่นแนล รับรางวัลเจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงานดีเด่น
๑๕ พ.ย. PROSPECT REIT ชูไตรมาส 3/67 โตเกินเป้า อัตราการเช่าพุ่งนิวไฮ หนุนจ่ายปันผลเด่น 0.2160 บาท
๑๕ พ.ย. CHAO ประกาศงบ Q3/67 กำไรพุ่งกว่า 62% รับตลาดส่งออกพีค จีนโตเด่น แย้ม Q4 เดินหน้าบุกตลาดในประเทศ สินค้าใหม่หนุนยอดขายปลายปี
๑๕ พ.ย. ฉลองเทศกาลลอยกระทงประจำปี 2567 ณ โรงแรมแมนดาริน โอเรียนเต็ล กรุงเทพฯ