นายมาซาชิ มิยาโมโตะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท โคนิก้า มินอลต้า บิสสิเนส โซลูชันส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าว เราเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีการจัดการเอกสารภายในองค์กรและผลิตภัณฑ์เครื่องพิมพ์มัลติฟังก์ชั่น ที่ได้รับรางวัลและการรับรองมาตรฐานการผลิตระดับสากล เตรียมเพิ่มขีดความสามารถขององค์กรอีกครั้ง โดยมุ่งยกระดับเทคโนโลยีและโซลูชั่นขององค์กรให้สามารถตอบโจทย์ได้ทุกความต้องการของลูกค้า โดยเฉพาะเทคโนโลยีด้านระบบรักษาความปลอดภัย ที่ถือเป็นธุรกิจที่มีอัตราการเติบโตสูง ทั้งยังเป็นเทคโนโลยีที่เพิ่มความมั่นคงด้านความปลอดภัยขององค์กรทั้งในภาครัฐและภาคเอกชน นอกจากนี้เทคโนโลยีดังกล่าวจะเป็นการเพิ่มศักยภาพขององค์กรในเรื่องความรู้แบบ know how โดยเฉพาะด้าน video data integration platform เพื่อที่จะนำองค์ความรู้ดังกล่าวไปต่อยอดให้ Konica Minolta ก้าวขึ้นเป็นองค์กรชั้นแนวหน้าของโลกต่อไป
"ทุกคนใน โคนิก้า มินอลต้า ทำงานภายใต้แนวคิด Business Transformation นั่นคือเราจะไม่หยุดแค่กับเรื่องที่เราทำอยู่ แต่เราจะพัฒนาต่อเพื่อให้ Konica ตอบโจทย์ทุกความต้องการของลูกค้าได้ เราจึงตัดสินใจลงทุนในธุรกิจระบบรักษาความปลอดภัยและการเฝ้าระวัง โดยการหาแบรนด์ที่มีการผลิตกล้องวงจรปิดคุณภาพสูง และมีเทคโนโลยีที่โดดเด่นในด้านดังกล่าว สุดท้ายแบรนด์ที่ตอบโจทย์เราที่สุดคือ Mobotix โดยเมื่อปี 2016 ที่ผ่านมา เราลงทุนเข้าถือหุ้นของ Mobotix สัดส่วน 65.5% ซึ่งเราเชื่อว่าการลงทุนในครั้งนี้จะเพิ่มศักยภาพของบริษัทในด้านอุตสาหกรรม optical รวมถึงช่วยขยายความชำนาญไปยังกลุ่มธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับข้อมูลดิจิทัลอีกด้วย"
สำหรับกล้องวงจรปิด Mobotix เป็นกล้องคุณภาพสูง เกรด Hi-end ผลิตจากพลาสติกเนื้อพิเศษ มีความทนทานสูงต่อทุกสภาวะแวดล้อมพร้อมความแตกต่างในการออกแบบด้วยสถาปัตยกรรมแบบกระจายศูนย์ ทำให้กล้องสามารถทำงานได้อย่างต่อเนื่อง มีเสถียรภาพแม้เน็ตเวิร์คขัดข้องหรือส่วนประกอบอื่นล้มเหลว โดยกล้องจะบันทึกข้อมูลทั้งหมดไว้ใน Storage Card และเมื่อเน็ตเวิร์คกลับเป็นปกติ ไฟล์เหล่านั้นจะถูกจัดเก็บใน NAS ตามเวลาจริงโดยอัตโนมัติ และจะทำการแจ้งเตือนทันทีที่ระบบมีปัญหา นอกจากความคงทนในทุกสภาวะอากาศ ยังทนต่อแรงกระแทกและกันกระสุน รวมถึงความหลากหลายในการใช้งานได้ตามความเหมาะสมทั้งในเรื่องสถานที่และวัตถุประสงค์ เช่น กล้องสำหรับกลางวันและกลางคืน กล้องสำหรับภายในและภายนอกอาคาร กล้องเลนส์ 180 และ 360 องศา เป็นต้น นอกจากนี้ ภายในตัวกล้องมีการติดตั้งเลนส์แบบ Dual lens ที่ทำงานในการรับภาพพร้อมกัน 2 เลนส์ พร้อมโปรเซสเซอร์ ใช้ในการประมวลผลแยกอิสระของกล้องแต่ละเลนส์ และให้ภาพที่มีความละเอียดสูงถึง 6 ล้านเมกะพิกเซล ตัวกล้องยังมีคุณสมบัติพิเศษเฉพาะ สามารถทำงานได้ในสภาพแวดล้อมหลากรูปแบบ ดังนี้
- กล้องมีความสามารถในการถ่ายภาพกลางคืนได้อย่างชัดเจน (Moonlight Technology) บันทึกภาพเคลื่อนไหวได้ชัดเจนในขณะที่ความสว่างไม่เอื้ออำนวย
- กล้องตรวจจับความเคลื่อนไหวในสภาวะมืดสนิทหรือพื้นที่ต้องห้ามด้วยการตรวจจับความร้อน ทำให้สามารถแยกแยะถึงสิ่งที่อยู่ในพื้นที่ที่กำหนด แม้ไม่สามารถมองเห็นด้วยตา
- กล้องสามารถตรวจจับความร้อนบนใบหน้า หรือความร้อนของวัตถุต่างๆ พร้อมบอกอุณหภูมิ ในกรณีที่มีอุณหภูมิสูงมากกว่าที่กำหนดไว้ เช่นพบบุคคลมีไข้สูง หรือมีการลุกไหม้ของวัตถุในส่วนที่มีการเฝ้าระวังตัวระบบจะแจ้งเตือนอัตโนมัติ
- กล้องมีระบบปฏิบัติการภายใน เปรียบเสมือนเป็นคอมพิวเตอร์ ซึ่งสามารถบันทึกข้อมูลลงภายตัวกล้อง โดยไม่จำเป็นต้องมีเครื่อง Server ช่วยลดค่าใช้จ่ายโดยรวมในการติดตั้ง เพราะไม่ต้องอาศัยอุปกรณ์ต่อพ่วงที่มีคุณสมบัติสูง
นายมาซาชิ มิยาโมโตะ กล่าวต่อไปว่า ในปีนี้ เราคาดว่าลูกค้าของเราในปัจจุบันที่อยู่ในประเทศไทย ซึ่งมีมากกว่า 4,000 ราย ที่ใช้เครื่องมัลติฟังก์ชั่น หรือ แท่นพิมพ์ดิจิตอลอยู่ ไม่ว่าจะเป็นหน่วยงานราชการ รัฐวิสาหกิจ บริษัทเอกชน ต่างๆ จะหันมาติดตั้งกล้องวงจรปิด Mobotix คาดปีแรกจะสามารถจำหน่ายได้ไม่ต่ำกว่า 100 ตัว ด้วยความโดดเด่นของ Mobotix ผสานกับการบริการในด้านการติดตั้ง การให้บริการหลังการขาย โดยทีมงานที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน
ในปัจจุบัน อัตราการเติบโตของตลาดกล้องวงจรปิดเป็นไปในทิศทางที่ดี เพราะระบบการรักษาความปลอดภัยถือเป็นสิ่งแรกๆ ที่ทุกองค์กรให้ความใส่ใจ ซึ่ง โคนิก้า มินอลต้า ไม่เพียงแต่ติดตั้งกล้องวงจรปิดเพื่อรักษาความปลอดภัยอย่างเดียว แต่ด้วยศักยภาพของกล้องจาก Mobotix จะสามารถดึงข้อมูลที่ได้จากกล้อง ประกอบกับซอฟท์แวร์ในการจัดการภาพที่ได้มาทำการวิเคราะห์ในเชิงต่างๆ ได้ ไม่ว่าจะเป็นการตรวจนับจำนวนของผู้คนที่เดินผ่านเข้าออก บริเวณประตู การตรวจสอบความถี่ของผู้บริโภคเมื่อเดินเข้าชมบริเวณสินค้า หรือการเช็คความหนาแน่นของลูกค้าตามช่วงเวลา ซึ่ง โคนิก้า มินอลต้า ใส่ใจกับรายละเอียดเหล่านี้อย่างมาก เพราะข้อมูลที่ได้สามารถนำไปต่อยอดความคิดในการออกแบบหรือการบริการให้ตอบโจทย์ของผู้บริโภคได้มากขึ้น สอดคล้องกับสโลแกนขององค์กร "Giving Shape to Ideas" นายมาซาชิ มิยาโมโตะ กล่าวทิ้งท้าย