ผศ.มโน สุวรรณคำ ผู้ช่วยอธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล (มทร.) ธัญบุรี เผยว่ามหาวิทยาลัยได้รับมอบหมายจากสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) ให้สานต่อกิจกรรมพัฒนาเครือข่ายสมุนไพร หรือคลัสเตอร์สมุนไพรต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมา ภายใต้โครงการสนับสนุนเครือข่าย เอสเอ็มอีปี 2561เพื่อยกระดับความสามารถของผู้ประกอบการเอสเอ็มอีในกลุ่มสมุนไพร ตั้งแต่ผู้ปลูกที่เป็นต้นน้ำ ผู้แปรรูปผลิตภัณฑ์หรือที่เรียกว่ากลางน้ำ และปลายน้ำอย่างผู้จัดจำหน่าย ตามกลุ่มพื้นที่ทั่วประเทศสู่การเป็นคลัสเตอร์ที่บูรณาการร่วมกันกับหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชนและสถาบันการศึกษา ที่มีความเข้มแข็งและสามารถสร้างธุรกิจให้เติบโตร่วมกันทั้งคลัสเตอร์
คลัสเตอร์สมุนไพรในปี 2561 มทร.ธัญบุรี ดำเนินการใน 9 พื้นที่ทั่วประเทศ โดยพัฒนากลุ่มคลัสเตอร์เดิม คือพื้นที่ จ.พิษณุโลก สระบุรี นครราชสีมา ขอนแก่น จันทบุรี และพัฒนากลุ่มคลัสเตอร์ขึ้นมาใหม่ ประกอบด้วยพื้นที่ จ.น่าน ลำปางและนครพนม รูปแบบการพัฒนาทั้งหมดจะเน้นการทำงานร่วมกันทั้งเครือข่าย และได้นำเทคโนโลยี นวัตกรรมรวมถึงงานวิจัยมาใช้เป็นแนวทางเพื่อการพัฒนา ซึ่งจะให้ความรู้ด้านนวัตกรรมและงานวิจัยเกี่ยวกับสมุนไพร วิเคราะห์กิจการให้ตรงกับความต้องการของตลาด รวมถึงติดตามผลอย่างต่อเนื่อง แลกเปลี่ยนเรียนรู้และสร้างเครือข่ายให้มีการเติบโตอย่างเข้มแข็งและยั่งยืน
ผศ.มโน กล่าวอีกว่า คลัสเตอร์สมุนไพรปี 2561 เปิดตัวโครงการแรกที่ จ.ขอนแก่น ในชื่อคลัสเตอร์ไพรร้อยแก่นสารสินธุ์ โดยมีคณาจารย์จากวิทยาลัยการแพทย์แผนไทย และคณะเทคโนโลยีการเกษตร มทร.ธัญบุรี และทีมที่ปรึกษาผู้ทรงคุณวุฒิ ลงพื้นที่และทำงานเชิงลึก ร่วมกันวิจัยพัฒนาและให้ความรู้ในแนวทางปฏิบัติของสมุนไพรไทย เช่น การพัฒนาเกษตรต้นน้ำให้เป็นเกษตรปลอดภัย เกษตรอินทรีย์สู่เกษตร 4.0 การวิจัยและพัฒนาให้เกิดนวัตกรรม การสร้างมาตรฐานและรับรองมาตรฐานสำหรับผลิตภัณฑ์
ด้าน ภาดล แสงกุดเรือ ประธานกลุ่มคลัสเตอร์ไพรร้อยแก่นสารสินธุ์ เผยว่าการทำธุรกิจยุคนี้จะต้องใช้งานวิจัยนำการตลาด ถึงจะอยู่รอดและเติบโตต่อไป ขอบคุณความจริงใจและความตั้งใจของอาจารย์จาก มทร.ธัญบุรี ในการลงพื้นที่วิเคราะห์ศึกษา ให้แนวคิด คำปรึกษาในเชิงสร้างสรรค์แก่ผู้ประกอบการ และเชื่อว่าโครงการที่ทำต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 นี้ จะทำให้กลุ่มคลัสเตอร์เติบโตอย่างมีศักยภาพบนเส้นทางธุรกิจ ผู้ประกอบการในกลุ่มฯ ได้บ่มเพาะความรู้ความสามารถใหม่ ๆ และสร้างแรงบันดาลใจระหว่างกันสำหรับการพัฒนาผลิตภัณฑ์ ก่อให้เกิดศักยภาพและมีความสามารถในการแข่งขันทางธุรกิจ รวมถึงช่วยให้เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้สู่แนวปฏิบัติที่เหมาะสม และสร้างการรับรู้ผลิตภัณฑ์สมุนไพรของไทยให้กับผู้บริโภคทั้งในและต่างประเทศต่อไป