คุณปรับชะรันห์ ซิงห์ ทักราล ประธานสมาคม EO Thailand เปิดเผยว่า การจัดงานสัมมนาครั้งนี้ ได้เชิญวิทยากรคือ เจมส์ ลอว์เรนซ์ มาบอกเล่ามุมมองแก่สมาชิกของ EO Thailand นอกจากการจัดงานสัมมนาแล้ว ทาง EO Thailand ยังตั้งเป้าที่จะเพิ่มจำนวนสมาชิกของสมาคมด้วยเช่นกัน ปัจจุบันสมาคมมีสมาชิกอยู่ประมาณ 95 ราย และตั้งเป้าที่จะเพิ่มจำนวนสมาชิกถึง 130-150 ราย ภายในระยะเวลา 3-5 ปีข้างหน้า โดยพร้อมที่จะสนับสนุนในเรื่องความหลากหลายของสมาชิกสมาคม ด้วยการเปิดกว้างสำหรับการต้อนรับสมาชิกจากหลายภาคธุรกิจ ช่วงอายุ รวมทั้งสมาชิกที่เป็นผู้หญิง เพื่อที่จะเพิ่มสัดส่วนของสมาชิกที่เป็นผู้หญิงด้วยเช่นกัน
ก่อนหน้าที่การสัมมนาเรื่อง Pushing your limits to the MAX จะเปิดฉากขึ้นนั้น ทาง EO Thailand ได้จัดงานเสวนาในหัวข้อ "Stop Being A Leader. Start Being THE Leader" โดยเชิญ ไรอัน เอเวอรี (Ryan Avery) วิทยากรระดับมืออาชีพชื่อดัง ซึ่งในอดีตเคยเป็นแชมป์นักพูดในที่สาธารณะปี 2555 และตระเวนขึ้นเวทีต่าง ๆ มาแล้วทั่วโลก มาบอกเล่าเคล็ดลับและกลยุทธ์การสื่อสารสำหรับผู้บริหารระดับองค์กร เมื่อวันที่ 16 มี.ค. ที่ผ่านมา
"เราต้องการให้สมาชิกได้เรียนรู้ อยากให้สมาชิกของ EO Thailand ได้มาพบปะกัน เรียนรู้จากกันและกัน และเราอยากจะให้ทุกคนเรียนรู้อย่างไม่มีสิ้นสุด เราหวังว่า งานสัมมนาของเราจะช่วยเปิดโลกทัศน์ให้กับสมาชิก เพราะผู้ประกอบการควรมีใจที่เปิดกว้าง รู้จักปรับตัว และพร้อมที่จะเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ การหยุดเรียนรู้ย่อมไม่ส่งผลดี" ประธาน EO Thailand กล่าวถึงเป้าหมายในการจัดงาน
นอกจากนี้ ประธานสมาคม EO Thailand ยังได้เปิดเผยมุมมองที่มีต่อกลยุทธ์ในการเป็นผู้บริหารว่า ความโปร่งใสและความชัดเจน ตลอดจนการรวบรวมและเชื่อมโยง Key Performance Index (KPI) ของผู้บริหารแต่ละคนมาไว้ด้วยกัน เพื่อที่จะนำมาเชื่อมโยงเข้ากับธุรกิจขององค์กร นอกจากนี้ สิ่งที่สำคัญไม่แพ้กัน คือ ความชัดเจนในการนิยมถึงสิ่งเหล่านี้ตั้งแต่แรก เพื่อให้เราสามารถวัดผลงานได้อย่างแท้จริง
"Stop Being A Leader. Start Being THE Leader" โดย "ไรอัน เอเวอรี"
"ความมั่นใจ" (Confidence) เป็นหนึ่งในคีย์เวิร์ดของบทบาทการเป็นผู้นำ ซึ่งผู้นำทั่วไปมีความมั่นใจ แต่ผู้นำที่แท้จริงจะแสดงความมั่นใจให้ผู้ตามได้เห็น เอเวอรี มองว่า ท่าทางหรือภาษากายของเราสามารถชี้นำหรือมีอิทธิพลต่อสิ่งที่เราต้องการจะสื่อ โดยยกตัวอย่างและเปรียบเทียบภาษากายเวลาที่เราพูดระหว่างการเดินไปข้างหน้าเข้าหาผู้ฟังกับการถอยไปข้างหลังเพื่อบอกกล่าวถึงสิ่งที่เราจะสื่อ แม้ว่าสิ่งที่เราต้องการจะสื่อนั้นเหมือนกัน แต่ด้วยท่าทางที่แตกต่างทั้ง 2 รูปแบบดังกล่าว ก่อให้เกิดการรับรู้และความรู้สึกที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง
การที่เราเดินทางไปข้างหน้าและพูดไปด้วยนั้น จะทำให้ผู้ฟังสัมผัสได้ถึงความมั่นใจของผู้พูด ทำให้เนื้อหาไม่น่าเบื่อและมีความน่าเชื่อถือมากยิ่งขึ้นตามไปด้วย แต่เมื่อใดก็ตามที่เราพูดในเรื่องเดียวกันแต่ด้วยท่าทีที่แตกต่างไป คือ พูดในขณะที่ยืนอยู่นิ่ง ๆ หรือถอยหลัง ความรู้สึกที่ได้จากการรับฟังภายใต้ท่าทีดังกล่าว คือ ผู้พูดขาดความมั่นใจและยังก่อให้เกิดความรู้สึกด้านลบ
"การเคลื่อนไหวร่างกายส่งผลถึงการรับรู้สารที่ผู้พูดต้องการสื่อ" คงจะเป็นคำอธิบายที่ชัดเจนของเอเวอรีถึงท่าทางประกอบการพูดเพื่อบ่งบอกถึงความมั่นใจได้เป็นอย่างดี
"กลยุทธ์ 4321"
นอกจากนี้ เอเวอรี ยังมีเคล็ดลับของการพูดที่ดีและดึงดูดความสนใจของผู้ฟังจากสูตรตัวเลขที่จำง่ายอย่าง "กลยุทธ์ 4321" เมื่อใดก็ตามที่เราต้องเข้าสู่วงสนทนาท่ามกลางคนที่เรารู้จักหรือแปลกหน้า กลยุทธ์ 4321 จะสามารถช่วยเราได้เสมอ โดยเลข 4 นั้นหมายถึงเรื่องเล่าของชีวิตส่วนตัวที่ประสบความสำเร็จและความล้มเหลวอย่างละเรื่อง รวมทั้งเรื่องเล่าในชีวิตการทำงานที่ประสบความสำเร็จและความล้มเหลวอีกอย่างละเรื่อง โดยการที่เราเตรียมเรื่องที่จะพูดไว้ล่วงหน้า จะทำให้เราสามารถเข้าสู่วงสนทนาได้เป็นอย่างดี
เลข 3 เป็นเรื่องของข้อมูลจริงหรือสถิติที่เกี่ยวข้องกับเรื่องที่กำลังเล่าอยู่ เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ ขณะที่เลข 2 คือการยกตัวอย่างคำพูดที่ตรึงใจผู้ฟังหรือข้อคิดสั้น ๆ ในเรื่องที่กำลังสนทนา จำนวน 2 ประโยค และสุดท้ายคือเลข 1 ซึ่งก็คือคำถาม 1 ข้อที่สามารถใช้ถามใครก็ได้ เพื่อเป็นการเริ่มบทสนทนา
การเลือกใช้คำยังเป็นอีกวิธีที่จะทำให้การพูดของเรามีอิทธิพลต่อผู้ฟัง โดยเฉพาะสำหรับการพูดในภาษาสากลอย่างภาษาอังกฤษ เอเวอรี กล่าวว่า การใช้คำศัพท์บางคำเช่นคำว่า "Just" หรือ "Only" ในบริบทที่แปลว่า "เพียงแค่" จะทำให้สิ่งที่เรานำเสนอมีคุณค่าน้อยลง ในทางกลับกัน การนำเสนอไปอย่างตรง ๆ จะทำให้เนื้อหามีความหนักแน่นและน่าเชื่อถือ
โดยสรุป การเปลี่ยนแปลงตนเองให้กลายเป็นผู้นำที่ประสบความสำเร็จและเป็นที่รู้จักผ่านวิธีการสื่อสารที่น่าดึงดูด มีอิทธิพล และสามารถโน้มน้าวผู้ฟังได้นั้น คงไม่ห่างไกลหากเราได้พยายามและเปลี่ยนแปลง