การประชุมประจำปีสภาผู้ว่าการธนาคารพัฒนาเอเชีย ครั้งที่ 51และการประชุมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง และการประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและผู้ว่าการธนาคารกลางอาเซียน+3 ครั้งที่ 21 ณ กรุงมะนิลา สาธารณรัฐฟิลิปปินส์

จันทร์ ๐๗ พฤษภาคม ๒๐๑๘ ๑๑:๕๘
นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทย เข้าร่วมการประชุมประจำปีสภาผู้ว่าการธนาคารพัฒนาเอเชีย (Asian Development Bank: ADB) ครั้งที่ 51และการประชุมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง รวมถึงการประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและผู้ว่าการธนาคารกลางอาเซียน+3 (ASEAN+3 Finance Ministers and Central Bank Governors' Meeting: AFMGM+3) ครั้งที่ 21 ระหว่างวันที่ 3-6พฤษภาคม 2561ณ กรุงมะนิลา สาธารณรัฐฟิลิปปินส์ซึ่งมีสาระสำคัญ ดังนี้

1. การประชุมประจำปีสภาผู้ว่าการ ADBครั้งที่ 51จัดขึ้นในระหว่างวันที่ 3-6พฤษภาคม 2561ภายใต้หัวข้อ "Linking People and Economies for Inclusive Development"โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ในฐานะผู้ว่าการ ADB ของไทย ได้มีสุนทรพจน์โดยกล่าวถึงความท้าทายที่มีต่ออัตราการ

จ้างงานเมื่อมีการนำเทคโนโลยีมาใช้ทดแทนแรงงาน และสนับสนุนบทบาทของ ADB ในการส่งเสริมการพัฒนาทักษะและคุณภาพแรงงานในประเทศสมาชิกเพื่อปรับตัวให้เข้ากับพัฒนาการด้านเทคโนโลยีพร้อมทั้งยกตัวอย่างประสบการณ์ของประเทศไทยในการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจให้เข้ากับพัฒนาการทางเทคโนโลยีเช่น การส่งเสริมอุตสาหกรรมที่เป็นนวัตกรรมและเทคโนโลยีในโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor: EEC)การนำเทคโนโลยีมาใช้ในโครงการ National E-Payment เพื่ออำนวยความสะดวกและเพิ่มความโปร่งใสในการโอนเงินและรับสวัสดิการภาครัฐ และการพัฒนาระบบพิสูจน์และยืนยันตัวตนทางดิจิทัลเพื่ออำนวยความสะดวกภาคเอกชนและธุรกิจ เป็นต้น

2.ในการหารือโต๊ะกลมของผู้ว่าการ ADB ซึ่งจัดขึ้นเมื่อวันที่ 4พฤษภาคม 2561ภายใต้หัวข้อ "The Role of Government in Harnessing New Technologies for Inclusive Growth" ได้มีการหารือถึงแนวทางนำเทคโนโลยีมาใช้เพื่อเพิ่มอัตราการเติบโตของการผลิต (Productivity Growth)

พร้อมทั้งพิจารณาผลกระทบจากการใช้เทคโนโลยีที่มีผลต่อการจ้างงาน มีการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ในการดำเนินนโยบายที่เกี่ยวข้องของประเทศต่าง ๆ โดยเฉพาะนโยบายที่จะนำไปสู่การลดความยากจนและขจัดความเหลื่อมล้ำในสังคม โดยเฉพาะการพัฒนาทักษะของแรงงานให้สอดคล้องกับเทคโนโลยีที่เปลี่ยนไป การมีระบบคุ้มครองทางสังคม และการกระจายรายได้

3. ในการประชุมระหว่างนาย TakehikoNakaoประธานธนาคารพัฒนาเอเชีย กับผู้ว่าการของประเทศสมาชิก (Governors' Plenary) เมื่อวันที่ 5พฤษภาคม 2561ในหัวข้อ "ADB Strategy 2030" ที่มีการนำเสนอยุทธศาสตร์ของ ADB โดยยังคงเป้าหมายสูงสุดที่จะขจัดความยากจนแร้นแค้น (Extreme Poverty) และขยายเป้าหมายให้ครอบคลุม "เพื่อบรรลุความมั่งคั่งมีการพัฒนาอย่างทั่วถึงมีความมั่นคงและยั่งยืนของภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก" (Achieve a prosperous, inclusive, resilient, and sustainable Asia and the Pacific) โดยเน้นการพัฒนาเศรษฐกิจที่ยั่งยืนอย่างมีคุณภาพ สร้างอาชีพและโอกาสให้กับประชาชน ทั้งนี้ การดำเนินการหลักของ ADB ยังคงเน้นการพัฒนาภาคสังคมและการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน โดยในด้านโครงสร้างพื้นฐาน จะเน้นสนับสนุนการลงทุนที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และสำหรับภาคสังคมจะส่งเสริมการพัฒนาระบบการศึกษา สาธารณสุข และการคุ้มครองทางสังคม (Social Protection) โดยจะเน้นเรื่องการเข้าถึงพลังงาน การขนส่ง น้ำสะอาด และบริการสาธารณสุข ของประชากรในกลุ่มยากจน ผู้หญิง และกลุ่มอ่อนแออื่นๆ

4. ในระหว่างการประชุมครั้งนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้ร่วมหารือทวิภาคีกับผู้บริหารระดับสูงจากองค์กรการเงินระหว่างประเทศ และสถาบันการเงินชั้นนำของต่างประเทศ เช่นADBบริษัทหลักทรัพย์ Nomura ธนาคาร HSBC และ ธนาคาร MUFGเพื่อหารือถึงสถานการณ์ด้านเศรษฐกิจการเงินโลก ภาวะเศรษฐกิจของไทยและนโยบายของรัฐบาลในระยะต่อไป โดยสถาบันการเงินเหล่านี้มีความเชื่อมั่นในศักยภาพทางเศรษฐกิจของไทยและพร้อมที่จะร่วมมือกับประเทศไทยในการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ

5. นอกจากนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังยังได้เข้าร่วมการประชุม AFMGM+3 เมื่อวันที่ 4 พฤษภาคม 2561โดยมีประเด็นการหารือที่สำคัญ ดังนี้

5.1 ภาวะเศรษฐกิจโลกและสถานการณ์เศรษฐกิจในภูมิภาคเศรษฐกิจของภูมิภาคอาเซียน+3 จะยังเติบโตได้ดีและมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนการเติบโตของเศรษฐกิจโลกในภาพรวมต่อไปโดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจยุโรปและสหรัฐฯประกอบกับเสถียรภาพของเศรษฐกิจภายในประเทศสมาชิกทั้งในด้านอัตราเงินเฟ้ออุปสงค์ภายในประเทศและการส่งออกที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งการปฏิรูปเชิงโครงสร้างและการดำเนินนโยบายเศรษฐกิจมหภาคที่มีประสิทธิภาพ อย่างไรก็ดี ยังมีความท้าทายจากนโยบายปกป้องทางการค้าของสหรัฐฯและความไม่แน่นอนของทิศทางอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯซึ่งอาจส่งผลให้เกิดภาวะเงินทุนไหลออกรวมถึงความผันผวนในภาคการเงินของภูมิภาคอาเซียน+3 ได้ซึ่งที่ประชุมได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของความร่วมมือด้านเศรษฐกิจและการเงินในภูมิภาค และกฎกติกาของพหุภาคีรวมทั้งไม่สนับสนุนมาตรการปกป้องทางการค้าในทุกรูปแบบนอกจากนี้สมาชิกควรให้ความสำคัญในการใช้นโยบายผสมผสานระหว่างนโยบายการคลัง นโยบายการเงิน นโยบายด้านเงินทุนเคลื่อนย้าย ร่วมไปกับการปฏิรูปโครงสร้างเศรษฐกิจ เพื่อรักษาเสถียรภาพและความมั่นคงของระบบเศรษฐกิจและการเงิน และเพื่อความยั่งยืนของเศรษฐกิจของประเทศสมาชิกและของภูมิภาคอาเซียน+3

5.2 กรอบความร่วมมือทางการเงินอาเซียน+3 ที่ประชุมรับทราบความคืบหน้าและแนวทางการพัฒนาความร่วมมือด้านต่าง ๆ ที่สำคัญ ได้แก่ (1) การทบทวน (Periodic Review) ความตกลงมาตรการริเริ่มเชียงใหม่ไปสู่การเป็นพหุภาคี (Chiang Mai Initiative Multilateralisation: CMIM)โดยเฉพาะในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการให้ความช่วยเหลือทางการเงินผ่านกลไก CMIM ร่วมกับความช่วยเหลือของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (International Monetary Fund Linked Portion: IMF Linked Portion)เพื่อให้เกิดความสอดคล้องด้านการดำเนินการระหว่างกลไก CMIM และ IMF(2) การดำเนินงานของสำนักงานวิจัยเศรษฐกิจมหภาคของภูมิภาคอาเซียน+3 (ASEAN+3Macroeconomic Research Office: AMRO)ตามภารกิจหลัก ยุทธศาสตร์ และแผนการดำเนินงานระยะกลางถึงระยะยาว (Strategic Direction and Medium to Long Term Plan) รวมทั้งนโยบายที่สำคัญในด้านต่าง ๆ ของ AMRO และ (3) การดำเนินงานภายใต้มาตรการริเริ่มพัฒนาตลาดพันธบัตรเอเชีย (Asian Bond Markets Initiative: ABMI) นอกจากนี้ ที่ประชุมได้ยืนยันถึงจุดยืนในการเสริมสร้างความร่วมมือทางด้านการเงินเพื่อเพิ่มความสามารถและความพร้อมของประเทศสมาชิกในการรับมือกับความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศและภัยพิบัติ โดยรับทราบความคืบหน้าของการจัดตั้งกองทุน )Risk Pool) ประกันภัยพิบัติของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้(the Southeast Asia Disaster Risk Insurance Facility: SEADRIF) ซึ่งปัจจุบันมีประเทศญี่ปุ่น สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา และสาธารณรัฐสิงคโปร์ เข้าร่วมเป็นสมาชิก

การประชุมประจำปีสภาผู้ว่าการ ADB ครั้งต่อไปจะจัดขึ้น ณ เมืองนาดี สาธารณรัฐฟิจิ

ในต้นเดือนพฤษภาคม 2562 โดยสาธารณรัฐฟิจิจะเป็นเจ้าภาพ และในโอกาสเดียวกันจะมีการประชุม AFMGM+3 ครั้งที่ 22ซึ่งสาธารณรัฐประชาชนจีนและประเทศไทยจะเป็นประธานร่วมกัน

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๖:๕๐ รีเลชั่นชิพรีพับบลิค แนะกลยุทธ์สำคัญ นำพาธุรกิจร้านอาหารสู่ความสำเร็จ มัดใจลูกค้าให้อยู่หมัด
๑๖:๑๔ ชมนวัตกรรมสุดล้ำในงาน METALEX 2024 หลายแบรนด์แกะกล่องเครื่องจักรครั้งแรกในงานนี้
๑๖:๑๓ Bangkok Illustration Fair 2024 สู่การเติบโตก้าวใหญ่ในปีที่ 4
๑๖:๑๐ ผลการจัดอันดับขีดความสามารถในการแข่งขันด้านดิจิทัลโดย IMD ประจำปี 2567 TMA เผยไทยครองอันดับ 37 ในการจัดอันดับด้านดิจิทัลปีนี้
๑๖:๕๒ โก โฮลเซลล์ จัดเต็มสินค้า ส่งสุข สุดอร่อย เฉลิมฉลองเทศกาลส่งท้ายปี เข้มกระเช้าปีใหม่ดีมีมาตรฐาน พร้อมชู อาหารแช่แข็ง-อาหารสด
๑๕:๒๖ กทม. จับมือสถานทูตเนเธอร์แลนด์ ประจำประเทศไทย จัดประชุมเชิงปฏิบัติการ ACTIVE Workshop เมืองเดินเท้า และจักรยานสัญจร ครั้งที่
๑๕:๐๑ สัมผัสความหรูหราของวิลล่าริมทะเล VEYLA NATAI RESIDENCES ผ่านประสบการณ์เหนือระดับในงาน SOUL of VEYLA
๑๕:๒๙ 'แอสเซทไวส์' จับมือ 'สยามกีฬา' เปิดศึกลูกหนังยุวชนทัวร์นาเมนต์ใหญ่แห่งปี AssetWise Siamkeela Cup 2024-25 ต่อเนื่องเป็นปีที่
๑๕:๐๘ โรงแรมเรเนซองส์ เปิดตัว R FINDS แพลตฟอร์มดิจิทัลระดับโลก ที่จะเชื่อมมนต์เสน่ห์ชุมชนท้องถิ่นสู่นักเดินทางทั่วโลก
๑๕:๕๒ electric.neon.lamp หยิบเพลงฮิต แม้ ใส่ฟีลดนตรีเหงาปนเศร้าในแบบ Piano Version