นายชานนท์ เรืองกฤตยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า "บริษัทฯ เปิดเผยยอดโอนในไตรมาสแรก 3,840 ล้านบาท ซึ่งรวมยอดโอนจากโครงการร่วมทุน นอกจากนี้บริษัทฯ มีรายได้รวมจำนวน 2,821 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 22% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยส่วนใหญ่มาจากรายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์ที่ 1,853 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ทั้งยังสามารถสร้างผลกำไรสุทธิที่ 145 ล้านบาท โดยมีอัตรากำไรสุทธิของบริษัทที่ 5%
ในไตรมาสแรก บริษัทฯ ได้เปิดตัวโครงการตามเป้าหมายที่วางไว้ ประกอบด้วยคอนโดมิเนียมใหม่ 2 โครงการ มูลค่าโครงการรวมกว่า 4,325 ล้านบาท ประกอบด้วยโครงการคอนโดมิเนียมไอดีโอ สาทร วงเวียนใหญ่ มูลค่าโครงการ 2,564 ล้านบาท ใกล้รถไฟฟ้าสถานี BTS วงเวียนใหญ่ และโครงการคอนโดมิเนียมยูนิโอ สุขุมวิท 72 เฟส 2 มูลค่าโครงการ 1,761 ล้านบาท ใกล้รถไฟฟ้าสถานี BTS แบริ่ง
โดยไตรมาสแรกของปีนี้ แม้ว่าบริษัทสามารถสร้างยอดขายจากโครงการใหม่ และโครงการที่เปิดตัวไปก่อนหน้า จำนวน 6,685 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 51% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน บริษัทฯ ยังคงเป้าหมายยอดขายทั้งปีที่ระดับ 35,100 ล้านบาท ทั้งนี้บริษัทฯ มียอดขายรอรับรู้รายได้ (Backlog) ณ สิ้นไตรมาสแรกปี 2561 จำนวนกว่า 53,600 ล้านบาท รองรับการโอนใน 3 ปีข้างหน้า เพิ่มขึ้น 26% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้านี้
บริษัทฯ มียอดโอนสูงกว่าเป้าหมายที่วางไว้ ตลอดจนโครงการคอนโดมิเนียมเวนิโอ สุขุมวิท 10 สามารถสร้างเสร็จและโอนเร็วกว่าคาดในไตรมาสแรกนี้ ทำให้มียอดโอนเติบโต 152% จากปี 2560 เป็น 38,000 ล้านบาท ในปี 2561 ทั้งนี้บริษัทฯ มียอดขายรอรับรู้รายได้ (Backlog) ที่จะโอนในปี 2561 มูลค่ากว่า 27,600 ล้านบาท คิดเป็น 81% ของเป้ายอดโอนในช่วงเก้าเดือนข้างหน้า ซึ่งรวมส่วนแบ่งยอดโอนของ อนันดา และมิตซุย ฟูโดซัง มาจากคอนโดมิเนียม 9 โครงการที่จะก่อสร้างแล้วเสร็จและเริ่มโอนในปี 2561 เพิ่มเติมจากคอนโดมิเนียมใหม่ 8 โครงการที่แล้วเสร็จในปี 2560
นอกจากนี้ บริษัทฯ มียอดขายสูงกว่าเป้าที่วางไว้ และมีแผนเปิดโครงการคอนโดมิเนียมใหม่อีก 6 โครงการ โดยผลจากความสำเร็จดังกล่าวมาจากตัวโครงการตั้งอยู่บนทำเลติดรถไฟฟ้า สะดวกสบายในการเดินทาง มีการนำเอาเทคโนโลยีและนวัตกรรมต่างๆมาปรับใช้ในโครงการเพื่อช่วยเพิ่มสะดวกสบายในการอยู่อาศัย พร้อมราคาที่เหมาะสมสามารถจับต้องได้อย่างแท้จริง
ล่าสุด บริษัทฯ ได้ประกาศจับมือกับ ดิ แอสคอทท์ (Ascott) ซึ่งเป็นผู้บริหารธุรกิจเซอร์วิส อพาร์ทเม้นท์ ชั้นนำระดับโลก เตรียมเปิดตัวโครงการเซอร์วิส อพาร์ทเม้นท์ 4 โครงการ ตั้งอยู่บนทำเลศักยภาพสูงใจกลางกรุงเทพฯ มูลค่าโครงการรวมกว่า 10,000 ล้านบาท ประกอบด้วย โครงการบนถนนพระราม 9 สาทร ทองหล่อ และสุขุมวิท ซอย 8 โดยจะเริ่มรับรู้รายได้จากธุรกิจเซอร์วิส อพาร์ทเม้นท์ ในไตรมาสแรกของปี 2563 สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ในการกระจายแหล่งรายได้ของบริษัทฯ และเพิ่มสัดส่วนรายได้ของบริษัทฯ ที่มาจากแหล่งรายได้ที่เกิดขึ้นเป็นประจำ
ในส่วนของกระแสเงินสดของบริษัทฯ ยังคงมีความแข็งแกร่ง โดย ณ สิ้นสุดไตรมาสยังคงรักษาเงินสดที่มีมากกว่า 5,200 ล้านบาท ซึ่งบริษัทฯ ได้รับการสนับสนุนที่แข็งแกร่งอย่างต่อเนื่องจากสถาบันการเงินชั้นนำ และมีทางเลือกในการจัดหาแหล่งเงินทุนที่หลากหลายเพื่อตอบสนองความต้องการเงินสดของบริษัทฯตลอดทั้งปี สามารถเลือกใช้ได้ตามสถานการณ์ โดยในไตรมาสแรกของปี 2561 บริษัทฯ ได้ออกหุ้นกู้ 2 ประเภท มูลค่ารวม 3,500 ล้านบาท เพื่อไถ่ถอนหุ้นกู้เดิม ตลอดจนรองรับการขยายธุรกิจและเป็นเงินทุนหมุนเวียน ทั้งนี้ในเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2561 บริษัทฯ ได้ออกหุ้นกู้ระยะเวลา 1.6 ปี ด้วยต้นทุนหุ้นกู้ เพียง 2.95% ซึ่งเป็นต้นทุนที่มีสถิติต่ำสุดอีกครั้ง ลดลงจากก่อนหน้าที่บริษัทฯ ได้ออกหุ้นกู้ระยะเวลา 1 ปี ด้วยต้นทุน 3.05%" นายชานนท์ กล่าว
ทั้งนี้ ที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นมีมติอนุมัติการจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้น เป็นจำนวน 12.75 สตางค์ เพิ่มขึ้น 2% จากปีก่อนหน้า โดยมีการพิจารณาจ่ายเงินปันผลเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกปีตั้งแต่มีการเสนอขายหุ้น IPO ของบริษัท