อินโดรามา เวนเจอร์ส มีแผนเข้าซื้อกิจการบริษัท Avgol Industries

จันทร์ ๑๔ พฤษภาคม ๒๐๑๘ ๑๗:๐๒
- เป็นดีลการเข้าซื้อกิจการที่น่าสนใจในธุรกิจผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าเพิ่มในกลุ่มนันวูเว่น

- เสริมความแข็งแกร่งทางภูมิศาสตร์ของอินโดรามา เวนเจอร์สในตลาดชั้นนำ

- สร้างความสัมพันธ์กับแบรนด์ชั้นนำระดับโลกเพิ่มเติมผ่านการเป็นพันธมิตรทางธุรกิจในระยะยาว และ

- ขยายสัดส่วนผลิตภัณฑ์ HVA กว่า 2 เท่าในกลุ่มผลิตภัณฑ์เพื่อสุขอนามัยส่วนบุคคล

บริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส จำกัด (มหาชน) หรือ ไอวีแอล ผู้ผลิตเคมีภัณฑ์ชั้นนำระดับโลก ประกาศข้อตกลงเข้าซื้อกิจการในอัตราร้อยละ 65.72 ในบริษัท AVGOL INDUSTRIES 1953 LTD. ซึ่งเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์อิสราเอล คิดเป็นมูลค่ารวม 1.62 เหรียญสหรัฐต่อหุ้น Avgol มีโรงงานทั้งหมด 6 แห่ง ในประเทศอิสราเอล สหรัฐอเมริกา รัสเซีย จีนและอินเดีย โดยมีกำลังการผลิตรวม 203,000 ตันต่อปี มีพนักงานทั้งสิ้น 900 คนทั่วโลก

การเข้าซื้อกิจการดังกล่าว คาดว่าจะแล้วเสร็จในช่วงครึ่งหลังของปี 2561 ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับข้อตกลงและการขออนุมัติตามกฎระเบียบที่เกี่ยวข้อง

Avgol เป็นบริษัทผู้ผลิตเส้นใยนันวูเว่นสำหรับผลิตภัณฑ์เพื่อสุขอนามัยใหญ่เป็นอันดับ 3 ของโลก มีส่วนแบ่งการตลาดร้อยละ 10 ซึ่งผลิตภัณฑ์สิ่งทอนันวูเว่นสมรรถนะสูงของ Avgol ถูกนำไปใช้โดยผู้ผลิตชั้นนำในอุตสาหกรรมผ้าอ้อมเด็ก ผลิตภัณฑ์เพื่อสุขอนามัยสำหรับผู้หญิงและผ้าอ้อมสำหรับผู้ใหญ่ นอกจากนี้ Avgol ยังนำเสนอโซลูชั่นผ่านเทคโนโลยีกรรมสิทธิ์ อาทิ AVSPUN และ AVSOFT ซึ่งเป็นสิ่งทอที่เกิดจากการสานตัวของเส้นใยโดยใช้น้ำแรงดันสูง เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่ต้องการผลิตภัณฑ์ที่บางเบา สวมใส่อย่างสบายตัว นุ่ม ตลอดจนผลิตัณฑ์ที่มีประสิทธิภาพสูง

การเข้าซื้อกิจการนี้เป็นโอกาสที่โดดเด่นสำหรับอินโดรามา เวนเจอร์ส ในการสร้างเสริมความแข็งแกร่งในฐานะผู้นำในตลาดนันวูเว่นสำหรับผลิตภัณฑ์เพื่อสุขอนามัยส่วนบุคคล ซึ่งเป็นตลาดที่มีการเติบโตสูง Avgol จะช่วยเพิ่มความหลากหลายของกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าเพิ่ม (HVA) ทำให้ทั้งสองบริษัทสามารถส่งมอบผลิตภัณฑ์อย่างครบวงจรให้แก่ลูกค้ามากยิ่งขึ้น นอกจากนี้อินโดรามา เวนเจอร์ส ยังอยู่ในตำแหน่งที่ดีในการสร้างการเติบโตไปยังอุตสาหกรรมใกล้เคียงเพิ่มเติมในอนาคตผ่านความสามารถด้านการวิจัยและพัฒนาที่แข็งแกร่ง ช่วยให้บริษัทฯ นำเสนอคุณค่าและบริการที่ดีอย่างต่อเนื่องให้แก่ลูกค้าของบริษัทที่มีอยู่ทั่วโลก

อุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์เพื่อสุขอนามัย นับเป็นอุตสาหกรรมที่มีสัดส่วนการบริโภคเส้นใยนันวูเว่นประเภทที่ใช้แล้วทิ้งที่ใหญ่ที่สุด มีการคาดการณ์การเติบโตของตลาดผลิตภัณฑ์เพื่อสุขอนามัยทั่วโลกอยู่ที่อัตราร้อยละ 6-7 ต่อปี โดยความต้องการผลิตภัณฑ์นันวูเว่นสำหรับผลิตภัณฑ์เพื่อสุขอนามัยมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง มีปัจจัยหลักจากการเติบโตของตลาดที่กำลังพัฒนา การเพิ่มขึ้นของรายได้ต่อหัวของประชากร โดยเฉพาะอย่างยิ่งในอเมริกาใต้ แอฟริกาและเอเชีย (เช่น จีนและอินเดีย) รวมทั้งการเปลี่ยนแปลงของโครงสร้างประชากร ทั้งนี้การเพิ่มขึ้นของการใช้ผลิตภัณฑ์ผ้าอ้อมสำหรับผู้ใหญ่ เป็นปัจจัยที่ทำให้การเติบโตโดยรวมของอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้น เนื่องจากมีการใช้เส้นใยเพิ่มขึ้นถึง 6 เท่า

นายอาลก โลเฮีย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส กล่าว "เรารู้สึกตื่นเต้นที่ Avgol จะเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของอินโดรามา เวนเจอร์ส ซึ่งถือเป็นโอกาสที่โดดเด่นและเป็นก้าวสำคัญในการขยายกลุ่มผลิตภัณฑ์ HVA โดยการเพิ่มกิจการที่มีตำแหน่งทางการตลาดที่แข็งแกร่งในตลาดที่มีความน่าสนใจและมีแนวโน้มการเติบโตอย่างมากเข้ามาในกลุ่ม Avgol มีการลงทุนเพื่อสร้างการเติบโตทางธุรกิจด้วยการขยายภูมิศาสตร์ในการดำเนินธุรกิจและขยายกำลังการผลิต เราคาดหวังว่าจะได้รับประโยชน์จากโครงการขยายการเติบโตที่ Avgol ได้ดำเนินการไปแล้วดังกล่าว และจะช่วยเพิ่มศักยภาพให้กับบริษัทฯ ยิ่งขึ้นไปอีก ฐานลูกค้าที่แข็งแกร่ง ความสามารถที่เกื้อหนุนและตำแหน่งทางการตลาดในตลาดที่มีการเติบโตสูงของ Avgol ประกอบกับเครือข่ายการดำเนินงานที่มีอยู่ทั่วโลกของอินโดรามา เวนเจอร์ส จะสร้างโอกาสในการสร้างคุณค่าเพิ่มเติม เพื่อให้สามารถให้บริการลูกค้าของเราได้ดีที่สุด"

การเข้าซื้อกิจการในครั้งนี้ วางแผนโดย Rothschild & Co ซึ่งรับหน้าที่เป็นที่ปรึกษาด้านการเงินให้แก่อินโดรามา เวนเจอร์สแต่เพียงผู้เดียว HFN ในประเทศอิสราเอลรับหน้าที่เป็นที่ปรึกษาด้านกฎหมาย และ KPMG ให้การสนับสนุนการตรวจสอบวิเคราะห์สถานะทางการเงิน

เกี่ยวกับ อินโดรามา เวนเจอร์ส

บริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส จำกัด (มหาชน) เป็นสมาชิกดัชนีความยั่งยืนดาวน์โจนส์ (DJSI) และบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (Bloomberg ticker IVL.TB) เป็นหนึ่งในบริษัทปิโตรเคมีชั้นนำระดับโลก มีโรงงานผลิตครอบคลุมภูมิภาคหลักทั่วโลก ได้แก่ แอฟริกา เอเชีย ยุโรปและอเมริกาเหนือ โดยมีกลุ่มผลิตภัณฑ์หลัก ประกอบด้วย ผลิตภัณฑ์ Necessities และผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าเพิ่ม (HVA) ทั้งในกลุ่มพอลิเมอร์ เส้นใยและบรรจุภัณฑ์ รวมถึงมีการบูรณาการไปยังวัตถุดิบหลักอย่างเอทิลีนออกไซต์/ไกลคอล และ PTA ผลิตภัณฑ์ของไอวีแอลรองรับลูกค้าในกลุ่มอุตสาหกรรมสินค้าอุปโภคบริโภค อาหารและเครื่องดื่ม ผลิตภัณฑ์เพื่อสุขอนามัย ผลิตภัณฑ์เพื่อการดูแลส่วนบุคคล และอุตสาหกรรมยานยนต์ อาทิ ผลิตภัณฑ์ยางในรถยนต์และผลิตภัณฑ์ด้านความปลอดภัย ปัจจุบันบริษัทฯ มีพนักงานทั่วโลกราว 15,000 คนและมีรายได้จากการขายรวม 8.4 พันล้านเหรียญสหรัฐในปี 2560

ไอวีแอลมีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่กรุงเทพฯ ประเทศไทยและมีโรงงานทั่วโลก อันได้แก่

ยุโรป ตะวันออกกลางและแอฟริกา:

เนเธอร์แลนด์ เยอรมนี สาธารณรัฐไอร์แลนด์ ฝรั่งเศส อังกฤษ อิตาลี เดนมาร์ก ลิทัวเนีย โปแลนด์ สาธารณรัฐเช็ก ลักเซมเบิร์ก สเปน ตุรกี ไนจีเรีย กานา โปรตุเกส

อเมริกาเหนือ:

สหรัฐอเมริกา เม็กซิโก แคนาดา

เอเชีย:

ไทย อินโดนีเซีย จีน อินเดีย ฟิลิปปินส์ เมียนมาร์

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๗:๒๑ 60 ปีแห่งความมุ่งมั่น! คาโอ คว้ารางวัลอุตสาหกรรมดีเด่น 2 ประเภทในปี 2567 ชูความสำเร็จด้านสิ่งแวดล้อมและความรับผิดชอบต่อสังคม
๑๗:๒๓ AVATR ก้าวสู่ความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่! ระดมทุนในรอบ Series C ได้มากกว่า 11,000 ล้านหยวน พร้อมก้าวสู่ความเป็นผู้นำในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าหรูหราแห่งอนาคต
๑๗:๐๖ Zoom เปิด 10 เทรนด์ ใช้ AI ในการทำงานปี 2568
๑๗:๑๐ เปิดมุมมองอาชีพที่หลากหลายในอุตสาหกรรมกาแฟไทย เจาะลึกบทบาทและแนวทางยกระดับสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน
๑๗:๑๔ อนาคตแห่งการเดินทาง: 5 คนขับ AI จากแอปเรียกรถ Maxim
๑๗:๕๕ Well-Being House บ้านชั้นเดียวเอาใจคนวัยเกษียณ
๑๗:๑๖ กทม. แจงเปิดกว้างการแข่งขันโครงการเช่าคอมพิวเตอร์พกพาสำหรับนักเรียน
๑๖:๓๗ รายงาน Ericsson Mobility Report ฉบับล่าสุด เผยผู้เริ่มให้บริการ 5G กลุ่มแรกกำลังมุ่งสู่โมเดลธุรกิจที่เน้นประสิทธิภาพ
๑๗:๒๕ เมดีซ กรุ๊ป ร่วมสมทบทุนสนับสนุนมูลนิธิโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช ช่วยผู้ป่วยในชนบท ถิ่นทุรกันดารที่ห่างไกล
๑๖:๔๔ CNN จับตา นวัตกรรมล่าสุดจากนักวิจัยไทย พลิกโฉมการตรวจคัดกรองความเครียดด้วย เหงื่อ