นายพจน์ หะริณสุต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน วรรณ จำกัด เปิดเผยว่า ทิศทางการปรับขึ้นของอัตราดอกเบี้ยขาขึ้นจะกดดันให้ส่วนต่างผลกำไรจากราคาแคบลง (Capital Gain) แต่หากพิจารณาจากอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลของกลุ่ม Property Fund & REITs ยังอยู่ในระดับที่น่าสนใจ โดยอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล ณ วันที่ 30 เมษายน 2561 จะอยู่ที่ 5.80% และอัตราผลตอบแทนจากพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปี อยู่ที่ 2.62% ขณะที่ส่วนต่างผลกำไรจากราคาระหว่างกลุ่ม Property Fund & REITs และพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปี อยู่ที่ 3.2%
"เรายังมีมุมมองเชิงบวกต่อกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ในแง่ของอัตราการจ่ายเงินปันผลที่ยังคงน่าจูงใจ โดยเฉพาะอุตสาหกรรมในภาคอสังหาฯกลุ่มค้าปลีก กลุ่มคลังสินค้า ซึ่งสามารถปรับเพิ่มค่าเช่าได้ตามอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นตามแผนการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐบาล ในส่วนของผู้ลงทุนที่สนใจการลงทุนใน Property Fund & REITs บลจ.วรรณ แนะนำให้พิจารณาลงทุน ในกลุ่มอุตสาหกรรม ที่สินทรัพย์สามารถให้อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลที่สูง สามารถเพิ่มค่าเช่าได้ตามอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้น และที่มีความเสี่ยงต่ำโดยพิจารณาจากอัตราส่วนของหนี้สินต่อสินทรัพย์ทั้งหมดที่ไม่เกิน 10% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ"นายพจน์กล่าว
สำหรับกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ของ บลจ. วรรณ คณะกรรมการจัดการกองทุนได้มีมติจ่ายเงินปันผลกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์จากกำไรสุทธิที่ปรับปรุงแล้วของผลการดำเนินงานระหว่างวันที่ 1 มกราคม 2561 ถึงวันที่ 31 มีนาคม 2561 จำนวน 2 กองทุน ได้แก่ กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์บางกอก (BKKCP) ลงทุนในกรรมสิทธิ์ห้องชุดอาคารสำนักงานและพาณิชย กรรมของอาคารชาญอิสระทาวเวอร์และชาญอิสรทาวเวอร์ 2 ในอัตราหน่วยลงทุนละ 0.20 บาท และกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ไทยอินดัสเตรียล 1 (TIF1) ลงทุนในที่ดินและอาคารโรงงานสำเร็จรูป ในอัตราหน่วยลงทุนละ 0.15 บาท โดยทั้ง 2 กองทุน จะกำหนดวันปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหน่วยลงทุน เพื่อสิทธิในการรับเงินปันผล ในวันที่ 28 พฤษภาคม 2561 และกำหนดจ่ายเงินปันผล ในวันที่ 12 มิถุนายน 2561