นายศุภชัย วีรบวรพงศ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท สยามแก๊ส แอนด์ ปิโตรเคมีคัลส์ จำกัด (มหาชน) (SGP) เปิดเผยถึงกรณีที่บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด (ทริสเรทติ้ง) ปรับเพิ่มอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันของ บมจ.สยามแก๊ส แอนด์ ปิโตรเคมีคัลส์ (SGP) เป็นระดับ "BBB+" จากเดิมที่ระดับ "BBB" ในขณะเดียวกัน ยังได้ปรับเพิ่มอันดับเครดิตหุ้นกู้มีการค้ำประกันบางส่วนของบริษัทเป็นระดับ "A+" จากเดิมที่ระดับ "A" ด้วย ว่า ถือเป็นการสะท้อนให้เห็นถึงสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง รวมไปถึงความสามารถของบริษัทฯในการทำกำไรแม้ว่าจะมีความเสี่ยงจากความผันผวนของราคาก๊าซก็ตาม
ทั้งนี้ ทริสเรทติ้งฯระบุว่า สถานะทางการเงินของ SGP มีความเข้มแข็งขึ้น โดยบริษัทฯมีผลการดำเนินงานที่เข้มแข็งถึง 3 ปีติดต่อกันในช่วงระหว่างปี 2558-2560 ผลการดำเนินงานที่ดีนั้นเป็นผลมาจากความผันผวนของราคาก๊าซที่ลดลงรวมถึงการฟื้นตัวของราคาก๊าซ LPG เป็นสำคัญ บริษัทมีเงินทุนจากการดำเนินงานประมาณ 2,100 ล้านบาทในช่วงปี 2558 และ 2559 ก่อนที่จะทำสถิติเพิ่มขึ้นเป็น 4,550 ล้านบาทในปี 2560 อันเป็นผลจากราคาเฉลี่ยของก๊าซ LPG ที่เพิ่มขึ้นถึง 40%โดยประมาณในปี 2560
นอกจากนี้ โครงสร้างเงินทุนของบริษัทมีการปรับตัวดีขึ้น ตลอดช่วง 3 ปีที่ผ่านมาเงินกู้รวมของบริษัทค่อนข้างคงที่ในขณะที่บริษัทมีส่วนของผู้ถือหุ้นที่ขยายขึ้นจากผลกำไรติดต่อกันของบริษัท อัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนลดลงอย่างต่อเนื่องเหลือ 45.6% ในไตรมาสแรกของปี 2561 จากที่เคยสูงกว่า 50%ในช่วงก่อนหน้าปี 2559 อัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อเงินกู้รวมอยู่ในช่วง 20%-40% ในช่วงเวลาเดียวกัน ซึ่งแสดงถึงการมีกระแสเงินสดที่ค่อนข้างมากและเพียงพอสำหรับรองรับภาระหนี้
อีกทั้ง สภาพคล่องของบริษัทฯยังคงมีเพียงพอ แหล่งเงินทุนของบริษัทฯประกอบด้วยเงินสดในมือประมาณ 2,100 ล้านบาท ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2561 วงเงินสินเชื่อที่ยังไม่ได้เบิกใช้จำนวน 13,000-14,000 ล้านบาท และเงินทุนจากการดำเนินซึ่งคาดว่าจะเกิดขึ้นอย่างน้อย 2,000 ล้านบาทในช่วง 12 เดือนข้างหน้า ในขณะที่การใช้เงินทุนในช่วง 12 เดือนข้างหน้าประกอบด้วย การผ่อนชำระเงินกู้ระยะยาวจำนวน 740 ล้านบาท การจ่ายชำระหุ้นกู้ประมาณ 3,000 ล้านบาท และค่าใช้จ่ายฝ่ายทุนที่บริษัทวางแผนไว้อีกประมาณ 2,000 ล้านบาท สำหรับการก่อสร้างคลังเก็บก๊าซ LPG ในตลาดแห่งใหม่
แนวโน้มอันดับเครดิต "Stable" หรือ "คงที่" สะท้อนถึงความคาดหมายว่าบริษัทจะยังคงสามารถรักษาสถานะผู้ค้าก๊าซ LPG รายใหญ่อันดับ 2 ของประเทศเอาไว้ได้ โดยกระแสเงินสดที่มั่นคงจากการค้าก๊าซ LPG ภายในประเทศจะช่วยลดผลกระทบจากกำไรที่ผันผวนของการดำเนินงานในต่างประเทศได้ ทริสเรทติ้งยังคาดอีกว่าบริษัทฯจะสามารถรักษากำไรจากธุรกิจค้าก๊าซในต่างประเทศได้ถึงแม้ว่าบริษัทฯจะมีความอ่อนไหวต่อความเสี่ยงด้านราคามากขึ้นก็ตาม