โดยการตัดสินของคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิประกอบไปด้วยหน่วยงานภาครัฐ กรมวิชาการเกษตร กรมส่งเสริมการเกษตร มูลนิธิโครงการหลวง ผู้แทนจากสมาคมฯที่เป็นเจ้าภาพร่วม รวมถึงสมาคมกาแฟพิเศษไทย (SCATH) ซึ่งเมล็ดกาแฟที่ชนะอันดับ 1 ถึง 10 จะต้องได้คะแนน Cupping Scores ตั้งแต่ 80 คะแนนขึ้นไป ทั้งนี้ผู้ชนะการประกวดจะได้รับถ้วยรางวัล / โล่และใบประกาศเกียรติคุณ พร้อมเงินรางวัลรวม 50,000 บาท นอกจากนั้นเมล็ดกาแฟที่ได้รับรางวัลชนะเลิศยังได้รับเกียรติสูงสุดในการเป็นกาแฟไทยแห่งปี 2018 ที่จะนำมาใช้ในการแข่งขันในรายการ ACID 2018 Barista Royal Princess Cups ชิงถ้วยพระราชทานสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ซึ่งจะจัดขึ้นในงานประชุมการพัฒนาอุตสาหกรรมกาแฟในอาเซียน ครั้งที่ 1 (1st ASEAN Coffee Industry Development Conference 2018) ระหว่างวันที่ 22-25 พฤศจิกายน 2561 ณ จังหวัดเชียงใหม่ และเมล็ดกาแฟอันดับ 1-10 จะถูกนำไปใช้ประชาสัมพันธ์ในงานกิจกรรมต่างๆ ทั้งในและต่างประเทศ เพื่อเผยแพร่รสชาติของกาแฟไทยให้เป็นที่รู้จักและก้าวสู่ระดับสากลอีกด้วย
สำหรับผู้สนใจส่งเมล็ดกาแฟเข้าประกวดต้องเป็นเกษตรกร หรือ กลุ่มเกษตรกร สหกรณ์ วิสาหกิจชุมชน ซึ่งมีกระบวนการแปรรูปด้วยตนเอง เมล็ดกาแฟต้องเป็นสายพันธุ์อาราบิก้าที่ปลูกในประเทศไทยเท่านั้น ไม่จำกัดกระบวนการแปรรูปและต้องเป็นผลผลิตปี 60/61 เมล็ดกาแฟที่ส่งเข้าประกวดต้องเป็นสารกาแฟที่พร้อมสำหรับการคั่ว ผู้สนใจสามารถดาวน์โหลดรายละเอียดและเอกสารการสมัครได้ตั้งแต่วันนี้ถึง10มิถุนายน 2561 ที่www.aseancoffeeconference.com และส่งเมล็ดกาแฟเข้าร่วมการประกวดฯ ที่โครงการหลวง แม่เหียะ จ.เชียงใหม่ โดยจะประกาศผลการตัดสินในวันที่ 27 มิถุนายน 2561 พร้อมจัดให้มีการประมูลเมล็ดกาแฟที่ชนะอันดับ 1-10 ในวันที่ 28 มิถุนายน 2561 อีกด้วย
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับการประกวดฯได้ที่ผู้ประสานงานกองประกวดสุดยอดเมล็ดกาแฟไทย 2018 โทร 02 229 3336, 02 229 3338 และ 081 907 6821