นายสมชาย บริรักษ์เลิศ กรรมการผู้จัดการบริษัท เชียงใหม่เฟรชมิลค์ จำกัด ผู้ผลิตนมพาสเจอร์ไรส์ และยูเอชที เปิดเผยว่า ขณะนี้บริษัทได้มีแผนที่จะผลิตนมโคเพื่อส่งออกในตลาดต่างประเทศ หลังจากที่ผ่านมาเน้นจำหน่ายในประเทศและรับจ้างผลิตนมโคให้กับแบรนด์ดังๆเป็นหลัก เนื่องจากที่ผ่านมามีหน่วยงานภาครัฐและเอกชนเข้าให้ความรู้ด้านการบริหารจัดการฟาร์ม,ความรู้ด้านการทำตลาดและ การเลี้ยงโคนมที่ผลิตน้ำนมให้มีคุณภาพ เป็นต้น เนื่องจากบริษัทมีความมั่นใจในศักยภาพในการแข่งขัน
"ที่ผ่านมากระทรวงพาณิชย์ กรม ปศุสัตว์ และชุมนุมสหกรณ์โคนมแห่งประเทศไทย ได้ลงพื้นที่ให้ความรู้เกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมทั้งการบริหารจัดการฟาร์ม ,การลดต้นทุนวัตถุดิบอาหารสัตว์,การพัฒนาสายพันธุ์และโภชนาการอาหารสัตว์ บริการจัดฟาร์ม และอื่นๆ ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่ดีต่อเกษตรกร ขณะเดียวกันทางบริษัทก็ได้รับความรู้ด้านการค้าเสรี, การทำแบรนด์สินค้าและการทำตลาดที่หลากหลาย"
ส่วนแนวทางการทำตลาดส่งออกนั้นทางบริษัทโชคดีมากที่ได้การสนับสนุนจากกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศให้เข้าร่วมในงานแสดงสินค้าอาหาร หรือ ไทยเฟ็กซ์ – เวิลด์ ออฟ ฟู้ด เอเชีย 2018 ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่บริษัทได้เข้าร่วมงานระดับโลกที่มีผู้นำเข้าจากต่างประเทศกว่า 40 ประเทศ เบื้องต้นจะเน้นการทำตลาดส่งออกประเทศจีนและอาเซียนเป็นหลักก่อน เนื่องจากเป็นตลาดใหญ่ และจะได้อานิสงส์จากเออีซีและเอฟทีเออาเซียนกับจีน โดยบริษัทได้นำผลิตภัณฑ์ตัวใหม่เข้าไปทำตลาด ล่าสุดก็ได้รับความสนใจจากลูกค้าต่างประเทศจำนวนมาก
"งานไทยเฟ็กซ์ฯถือเป็นช่องทางนำร่องในการทำธุรกิจส่งออกของบริษัทเป็นอย่างดี เพราะหากขายสินค้าได้มากๆ ผลที่ตามมาคือเกษตรกรจะมีรายได้เพิ่มขึ้นเช่นกัน ซึ่งทางบริษัทให้ความสำคัญกับเรื่องเกษตรกรเป็นอย่างดี ทั้งการพัฒนา และเทคนิคการเลี้ยงเพื่อให้นมโคออกมามีคุณภาพ โดยปัจจุบันทางบริษัทรับซื้อน้ำนมดิบที่ 19.50 บาทต่อกก. ซึ่งถือว่าเป็นราคาที่สูงเหมาะสมกับคุณภาพน้ำนมโค จนเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการกับบริษัทมีรายได้เฉลี่ยเพิ่มขึ้น 200,000 บาทต่อปี ถือเป็นเรื่องที่บริษัทภูมิใจเป็นอย่างมาก "
สำหรับจุดเด่นของนมยูเอสทีของเชียงใหม่เฟรสมิลค์นั้นจะเป็นน้ำนมที่มีคุณภาพทั้งจากเรื่องของอาหารสัตว์ การดูแลโคที่ดีและมีกระบวนการผลิตที่มีมาตรฐาน ที่สำคัญภาคเหนือเป็นพื้นที่สูงจากน้ำทะเลมาก ซึ่งจะส่งผลให้วัตถุดิบมีคุณภาพ,อากาศไม่ร้อน ผลที่ตามมาคือน้ำนมโคจะมีคุณภาพตามไปด้วย โดยปัจจุบันบริษัทมีพื้นที่เลี้ยงโคนม 100 ไร่ และเป็นพื้นที่หญ้า 200 ไร่ และมีเกษตรกรที่เป็นคู่สัญญาของบริษัทมีประมาณ 37 ราย และกำลังจะมีเกษตรกรเข้ามาร่วมอีกจำนวนมากนั้น นอกจากนี้ผลของการผลิตนมโคที่มีคุณภาพทำให้นมโคแบรนด์ดังๆได้ว่าจ้างให้บริษัทรับจ้างการผลิตหลายราย
ผู้สนใจเข้าร่วมโครงการสามารถสอบถามรายละเอียดได้ที่ กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ(DITP) กระทรวงพาณิชย์ www.ditp.go.th หรือโทรสายตรงการค้าระหว่างประเทศ 1169