นายจอมทรัพย์ โลจายะ ประธานคณะกรรมการ บริษัท ซุปเปอร์ เอนเนอร์ยี คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SUPER เปิดเผยว่าตามที่มีกระแสข่าวลือเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาว่าตนได้ขายหุ้น SUPER ออกมาจำนวนมาก จนเป็นทำให้ราคาหุ้นลดต่ำลงมากนั้น ไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด โดยสัดส่วนการถือหุ้นของตนเองอยู่ที่ร้อยละ9.2และที่ผ่านมามีการทยอยซื้อเพิ่มอย่างต่อเนื่องจนกระทั่งล่าสุดอยู่ที่ร้อยละ19.96
"ผมทุ่มเทและตั้งใจทำงานอย่างมากเพื่อให้ SUPER เจริญเติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง สามารถที่จะสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้นทุกคน ซึ่งผลประกอบการที่ผ่านมาน่าจะเป็นที่ประจักษ์แก่ทุกท่านอยู่แล้ว บริษัทฯมีกำไรที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง มีโครงการใหม่ที่ให้รีเทิร์นดีเข้ามาเรื่อยๆ ดังนั้นในอนาคตถัดไปจากนี้มีแต่สิ่งที่ดีๆ รออยู่เบื้องหน้า ดังนั้นไม่มีเหตุผลอะไรที่จะทำให้ผมต้องทิ้งหุ้นและทำร้ายหุ้น SUPER แบบนี้"
เขากล่าวต่อว่า SUPER เป็นบจ.ที่มีปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่ง มีฐานะทางการเงินที่มั่นคง แผนการดำเนินธุรกิจยังคงเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ ปัจจุบันมีโรงไฟฟ้าที่ผลิตและจำหน่ายเชิงพาณิชย์ได้แล้ว(COD) 740.06 เมกะวัตต์ และตั้งเป้าหมายภายในปี 2561 จะมีกำลังกาผลิตรวมเพิ่มขึ้นเป็น 854 เมกะวัตต์ โดยในเดือนมิ.ย.นี้ โครงการโรงไฟฟ้าโดยใช้เชื้อเพลิงทดแทนจากสิ่งปฏิกูลที่ไม่เป็นของเสียอันตราย สัญญาขายไฟฟ้า (PPA) 9 เมกะวัตต์ ที่จังหวัดสระแก้ว จะเริ่มผลิตและจำหน่ายเชิงพาณิชย์
สำหรับแผนการตั้งกองทุนอินฟราสตรัคเจอร์ฟันด์ (IFF ) มูลค่า 9,000 ล้านบาท คาดว่าจะสามารถก่อตั้งได้ภายในปี 2561 โดยเบื้องต้นมีแผนที่จะยื่นไฟลิ่งต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ในช่วงปลายเดือนมิ.ย.นี้และเข้าซื้อขายภายในปีนี้ หลังจาก ทางสำนักงาน ก.ล.ต. ได้จัดทำการรับฟังความคิดเห็น (Public Hearing เพื่อยกเว้นหลักเกณฑ์สำหรับการลงทุนในโครงการที่มูลค่าต่ำกว่า 500 ลบ. ในช่วงที่ผ่านมา
นายจอมทรัพย์ กล่าวต่อในช่วงท้ายว่าแม้ในปัจจุบัน SUPER จะมีหลายโครงการพัฒนาขึ้นพร้อมๆ กัน แต่จะไม่ส่งผลกระทบทำให้เกิดปัญหาการเงินสะดุด และไม่มีแผนที่จะเพิ่มทุน เนื่องจากบริษัทฯ ได้วางแผนและบริหารการเงินอย่างเป็นระบบมีความต่อเนื่อง สามารถบริหารจัดการเรื่องเงินลงทุนในโครงการต่างๆ เรียบร้อยหมดแล้ว โดยจะมาจากกระแสเงินสดที่จะได้รับจากการดำเนินงานในปัจจุบัน มีเงินที่จะได้รับการจากจัดตั้งกองทุนฯ การออกหุ้นกู้และได้รับการสนับสนุนสินเชื่อจากสถาบันการเงิน
ด้านนายประเดช กิตติอิสรานนท์ ผู้ถือหุ้นของ SUPER กล่าวว่าตามที่มีข่าวลือว่าตนได้ขายช็อตหุ้น SUPER เป็นจำนวนมากนั้นไม่เป็นความจริง โดยตนไม่ได้ทำการขายช็อตหุ้นอย่างที่มีกระแสข่าวลือออกมา เนื่องจากที่ผ่านมาได้ขายบิ๊กล็อตออกไปให้กับ นายจอมทรัพย์ โลจายะ ไปจำนวน 10% ซึ่งไม่กระทบกับราคาตลาดและเป็นการซื้อขายกันก่อนหน้านี้ไปแล้ว
ทั้งนี้สาเหตุที่ขายหุ้น SUPER ออกไปเพราะที่ผ่านมามีความจำเป็นในการใช้เงินเพื่อนำเอาไปลงทุนในธุรกิจอื่น อย่างไรก็ตามตนได้ลงทุนใน SUPER -W ซึ่งสามารถนำมาแปลงสภาพเป็นหุ้นสามัญได้ในอนาคต นั่นเป็นเพราะยังมีความเชื่อมั่นต่อปัจจัยพื้นฐานของ SUPER ว่าเป็นบริษัทที่ดี มีอนาคตที่สดใส จะให้ผลตอบแทนที่ดีกับผู้ถือหุ้นได้แน่นอน อีกทั้งอยู่ภายใต้การบริหารงานของทีมผู้บริหารที่มีธรรมาภิบาล