หลายๆครั้ง อาการนอนไม่หลับ มักจะเป็นผลจากสุขนิสัยการนอนของเราเอง แต่ก็มีบางคนที่อาการนอนไม่หลับนั้นเป็นผลที่มาจากโรคอื่น พญ.วรรณวิพุธ สรรพสิทธิ์วงศ์ แพทย์ทางด้านชะลอวัยของศูนย์ส่งเสริมสุขภาพไวทัลไลฟ์ โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ ได้ยกตัวอย่าง 5 โรคที่พบเห็นทั่วไปและเป็นต้นเหตุของอาการนอนไม่หลับ หรือพักผ่อนไม่เพียงพอ ไว้ดังนี้
1. ต่อมไทรอยด์เป็นพิษ เป็นอาการที่ไทรอยด์ทำงานมากกว่าปกติ และไปกระตุ้นระบบประสาท ส่งผลให้นอนไม่หลับและเหงื่อแตกพล่านขณะนอน นอกเหนือจากนี้แล้ว ต่อมไทรอยด์ยังควบคุมอวัยวะต่างๆในร่างกาย อาการของต่อมไทรอยด์เป็นพิษนั้นจึงหลากหลายและยากต่อการชี้เฉพาะเจาะจง การตรวจเช็คความปกติของต่อมไทรอยด์นั้นไม่ยากเพียงแค่เจาะเลือด
2. อาการปัสสาวะบ่อยในตอนกลางคืน หรือ Nocturia การตื่นมาปัสสาวะบ่อยๆช่วงกลางดึกพบได้มากในหมู่คนมีอายุ ในกรณีรุนแรงจะพบว่าผู้ป่วยตื่นมาปัสสาวะบ่อยถึง 5 - 6ครั้งในหนึ่งคืน อาการนี้มักจะแย่ลงเมื่อมีอายุที่เพิ่มขึ้น แต่ก็สามารถเป็นอาการของคนที่มีปัญหาเรื่องเบาหวาน ต่อมลูกหมากโต หรือผลข้างเคียงจากยาบางชนิด เช่นกลุ่มยาขับปัสสาวะ
3. โรคไต เมื่อไตไม่สามารถทำงานได้ตามปกติ โดยเฉพาะในเรื่องของการขับถ่ายของเสียจากร่างกาย ผู้ป่วยโรคไตจะพบปัญหาเรื่องการสะสมของของเสียในกระแสเลือดซึ่งจะส่งผลให้เกิดอาการนอนไม่หลับ หรือ อาการขาอยู่ไม่สุก (restless legs syndrome)
4. โรคไขข้อ กลุ่มคนที่เป็นโรคไขข้อต้องเผชิญกับความเจ็บปวดในกระดูกซึ่งทำให้นอนไม่หลับ และนอกจากนี้การใช้ยาประเภท สเตียรอยด์ ยังมีผลกระทบต่อการนอนอีกด้วย
5. ปวดหัว ผู้ป่วยที่มีอาการปวดหัวบ่อยๆ มักจะมีอาการนอนไม่หลับตามมา ยกตัวอย่างเช่น โรคไมเกรน หรือปวดศีรษะคลัสเตอร์ เป็นอาการปวดหัวที่ทำให้เส้นเลือดขยายออก ส่งผลให้รู้สึกปวดตื้อๆ รู้สึกไม่สบายตา
คุณหมอฟ้า ยังแนะนำว่า คนที่มีปัญหาเรื่องการนอนไม่หลับ หรือพักผ่อนไม่เพียงพอ อาจจะมีความจำเป็นต้องพบแพทย์เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริง ซึ่งอาจจะเป็นเพราะสุขนิสัยในการนอน หรือเป็นผลจากโรคอื่นๆที่ต้องรักษาโดยแพทย์ก็ได้
ต้นเหตุของอาการนอนไม่หลับรอบตัวทั้ง 5 ที่ต้องกำจัด
เป็นที่รู้กันอยู่ว่าหากร่างกายพักผ่อนไม่เพียงพอ ประสิทธิภาพในการทำงานของเราจะลดลง รวมถึง อาการสมองตื้อ ความจำไม่ค่อยดี และอารมณ์แปรปรวนด้วย โดยปกติแล้วเรามักจะนึกถึงการนอนหลับในกลางคืน แต่ในความเป็นจริงแล้ว วิถีชีวิตของเราในตอนกลางวันก็มีส่วนให้การนอนหลับพักผ่อนของเรามีคุณภาพดียิ่งขึ้นได้อีกด้วย
รู้ไหมว่า ได้มีการวิจัยออกมาว่าคนเราสมัยนี้นอนน้อยกว่าคนรุ่นเมื่อ 100 ปีก่อนถึง 20% แต่ก็ไม่ได้น่าแปลกใจเพราะสิ่งแวดล้อมรอบตัวเราในยุคนี้ หรือนิสัยการติดจอก่อนนอนทำให้เกิดนิสัยนอนหลับยากโดยเฉพาะในหมู่คนเมือง
"คนเราสมัยนี้ไม่รู้จักที่จะลดหย่อนผ่อนวาง หรือ power down และนั่นก็เป็นต้นเหตุของการพักผ่อนไม่เพียงพอ สังคมสมัยใหม่ทำให้เราเป็นคนที่ต้องทำงานหนักและติดตามโซเชี่ยลตลอดเวล ทำให้เราขาดวินัยในการนอน" พญ.วรรณวิพุธ สรรพสิทธิ์วงศ์ คุณหมอทางด้านชะลอวัยทางด้านสุขภาพของศูนย์ส่งเสริมสุขภาพไวทัลไลฟ์ โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ได้กล่าวไว้
คุณหมอฟ้ายังได้ยกตัวอย่าง ต้นเหตุหลักของการนอนไม่หลับรอบตัวทั้งห้าไว้ดังนี้
บริโภคคาเฟอีนมากเกินไป การดื่มกาแฟสมัยนี้นอกจากจะเป็นตัวช่วยให้ร่างกายแอคทีฟแล้ว ยังเป็นแฟชั่นอีกด้วย สังเกตุได้จากร้านกาแฟ หรือคาเฟ่ที่มีมากมายรอบตัวได้กลายเป็นจุดนัดพบแม้เวลาเย็นหรือมืด โดยที่การบริโภคกาแฟในเวลาเย็นๆมืดๆก่อนเข้านอนนั้น ร่างกายต้องใช้เวลา 8 ชั่วโมงขึ้นไปในการขับคาเฟอีนออกจากร่างกาย
การจ้องจอมากเกินไป คนส่วนใหญ่ในสังคมสมัยนี้มักจะเป็นโรคติดจอซึ่งทำให้สมองถูกกระตุ้นให้ทำงานตลอดวเลา และทำให้เราเคยชินและรู้สึกว่าเราต้องเช็คโทรศัพท์ตลอดเวลา เมื่อสมองถูกกระตุ้นบ่อยๆก็จะโปรแกรมระบบการทำงาน ทำให้เคยชินและไม่สามารถจะพักผ่อนได้เต็มที่
รับประทานอาหารมากเกินไป การรับประทานอาหารมากเกินไปในช่วงเย็นก็เป็นสาเหตุทำให้เราแน่นท้องและไม่สบายตัว เมื่อร่างกายเราไม่รู้สึกสบายผ่อนคลายก็จะส่งผลให้นอนไม่หลับในที่สุด
ดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์มากเกินไป จริงอยู่ว่าเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ทำให้เราง่วงนอน แต่การดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ก่อนนอนนั้นทำให้เกิดผลกระทบตามมาหลายอย่างซึ่งส่งผลให้การนอนหลับไม่มีคุณภาพ เช่นนอนกรณ และ ปัสสาวะกลางดึก เพราะแอลกอฮอล์มีคุณสมบัติการขับปัสสาวะ
ความเครียด/ความวิตกกังวล อาการกังวลถือเป็นอุปสรรคของการนอนเบอร์หนึ่งเลยก็ว่าได้ เพราะไปกระตุ้นสมองให้ต้องขบคิดและทำงานตลอดเวลา คนที่มีความกังวลมากเกินไปมักจะสร้างวงจรการนอนไม่หลับให้กับตัวเอง เพราะความกังวลทำให้สมองต้องขบคิดทำงาน และเมื่อไม่ได้นอนหลับพักผ่อนก็มีเวลาให้สมองขบคิดกังวลไปได้เรื่อยๆ และมากขึ้นไม่สิ้นสุด
ถ้าอยากนอนหลับ จงพักจอ
จากการสำรวจชอง International Bedroom Poll โดย National Sleep Foundation ในปี 2556 พบว่ามีเพียง 50% ของผู้เข้าสำรวจจำนวน 1,500 คนยอมรับว่าพักผ่อนเพียงพอในคืนของวันทำงาน
เป็นไปได้ว่าสาเหตุหลักของ กลุ่มคน 50% ที่พักผ่อนไม่พอนั้น เกิดจากการจ้องจอ
มีการสำรวจพบว่า 50% ของ คนในประเทศ สหรัฐอเมริกา แคนาดา และสหราชอณาจักร และ 66% ในญี่ปุ่น ใช้โทรศัพท์ คอมพิวเตอร์ หรือแทปเล็ตก่อนนอน และ 66% ของคนทั่วโลกดูโทรทัศน์ก่อนนอน
จะเห็นได้ว่า ตัวการไม่ใช่เพียงโทรศัพท์อย่างเดียว แต่ยังรวมถึง ไอแพด โทรทัศน์และคอมพิวเตอร์อีกด้วย แสงไฟจากจอเหล่านี้ทำให้สมองถูกกระตุ้นและเป็นผลให้ร่างกายนอนไม่หลับ
คุณหมอฟ้าได้ให้ความเห็นว่า "คนเรามักจะเสพติดจอ โดยทำให้สมองเสพติดข่าวและข้อมูลและสงผลให้ร่างกายเกิดกระบวนการตอบสนองต่อข่าวและข้อมูลเหล่านั้นรวมถึงการหลั่ง อะดรีนะลีนทำให้ร่างกายเราแอคทีฟ และไม่อยากนอนอีกด้วย"
การวิจัยของ Australia's Sleep Health Foundation พบว่าการพักผ่อนที่น้อยกว่า 8 ชั่วโมงทำให้ร่างกายไม่มีความกระตือรือร้น ตอบสนองช้า ขาดประสิทธิภาพในการทำงานและอารมณ์แปรปรวน นอกจากนี้การพักผ่อนไม่เพียงพอ มักจะเป็นต้นเหตุของปัญหาโรคอ้วน เบาหวาน และโรคหัวใจอีกด้วย โดยคุณหมอวรรณวิพุธได้ย้ำว่า "เราต้องพึงตระหนักไว้เสมอว่า การนอนหลับเปรียบเสมือนยา ที่นำมารักษา ซ่อมแซม และเสริมสร้างร่างกายในส่วนที่สึกหรอ และเป็นสิ่งที่เราควบคุมได้"
ในเรื่องของการสร้างสมดุลเฉพาะบุคคลมักจะกล่าวถึงอาการนอนไม่หลับหรือพักผ่อนไม่เพียงพอเป็นโรคของวิถีการดำเนินชีวิต เพราะการนอนไม่หลับหรือพักผ่อนไม่เพียงพอนั้นทำให้เกิดผลกระทบต่างๆต่อสมรรถภาพของร่างกายอย่างมาก ผู้เชี่ยวชาญในเรื่องของการนอนได้เห็นพ้องต้องกันว่าการสร้างสุขนิสัยที่ดีในการนอนหลับนั้นเริ่มต้นจากการปิดอุปกรณ์อิเลคทรอนิคส์ต่างๆรอบตัว โดยที่มีจุดประสงค์เพื่อสร้างสิ่งแวดล้อมในการนอนทีดีในห้องที่มืดสนิทไม่มีแสงก่อกวน
ติดตามข้อมูลสุขภาพเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์ส่งเสริมสุขภาพไวทัลไลฟ์ในเครือรพ.บำรุงราษฎร์https://www.vitallifeintegratedhealth.com โทร: 66(0)2066 8899
เกี่ยวกับศูนย์ส่งเสริมสุขภาพไวทัลไลฟ์
ศูนย์ส่งเสริมสุขภาพไวทัลไลฟ์ (Vitallife Wellness Center) ในเครือโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ เป็นศูนย์ส่งเสริมสุขภาพระดับสากล ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2544 ดำเนินงานตามหลักการทางวิทยาศาสตร์ โดยทีมแพทย์เฉพาะทางที่ผ่านการอบรมจากอเมริกันบอร์ด ภายใต้แนวคิดการดูแลสุขภาพแห่งอนาคต อันประกอบด้วยเวชศาสตร์คาดการณ์และป้องกันโรคเวชศาสตร์การฟื้นฟูสุขภาพและพลังชีวิต ศูนย์ส่งเสริมสุขภาพไวทัลไลฟ์ เป็นศูนย์ส่งเสริมสุขภาพแห่งแรกในภูมิภาคเอเชีย ที่ได้รับการรับรองจาก World Council for Clinical Accreditation เมื่อเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2550 และเป็นศูนย์ส่งเสริมสุขภาพแห่งแรกของโลกที่ได้รับการรับรองมาตรฐานจากดีเอ็นวี. จีแอล เมื่อเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2558 ซึ่งเป็นมาตรฐานระดับสากลเพื่อผู้ป่วยนอกที่มีชื่อเสียงและเป็นที่ยอมรับจากทั่วโลกในเรื่องมาตรฐานคุณภาพระดับสากล มีความโดดเด่นในด้านการพัฒนาและบริหารความเสี่ยงที่ถอดแบบมาจากธุรกิจเฮลแคร์และธุรกิจอื่นๆที่ประสบความสำเร็จในระดับโลก และได้รับการยอมรับจากสถานพยาบาลและโครงการประกันสุขภาพของรัฐบาลสหรัฐอเมริกา
ติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
https://www.vitallifeintegratedhealth.com
อีเมล์: [email protected]
โทร: 66(0)2066 8899