"ดีมานด์ก๊าซ LPG ยังคงเติบโตอย่างแข็งแกร่ง หลังจากเราเดินหน้าขยายตลาดในประเทศจีน โดยการหาลูกค้าใหม่ทั้งลูกค้า wholesale และลูกค้ารายย่อย"
ขณะเดียวกันบริษัทฯอยู่ระหว่างการก่อสร้างคลังก๊าซ LPG ในมาเลเซียตะวันตกและเมียนมาร์ เพื่อเพิ่มยอดขาย และมั่นใจว่า ภายในสิ้นปีนี้ ยอดขาย LPG จะเติบโตร้อยละ 10 หรือกว่า 3.5 ล้านตัน เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 3.2 ล้านตัน ตามเป้าหมายที่วางไว้ ผลักดันผลงานทำสถิติสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง
ในส่วนของธุรกิจโรงไฟฟ้า ล่าสุดในเดือนเม.ย. 2561 ที่ผ่านมา โรงไฟฟ้าพลังงานดีเซลในเมียนมา ได้เริ่มดำเนินการจ่ายไฟฟ้าให้กับสหกรณ์หมู่บ้านโดยมีขนาดกำลังการผลิตติดตั้ง 10 เมกะวัตต์ (MW) โดยบริษัทฯจะเริ่มบันทึกรายได้เข้ามาในผลประกอบการไตรมาส 2 นี้
ทั้งนี้ โรงไฟฟ้าดังกล่าวถือเป็นโรงไฟฟ้าโครงการที่ 2 ของบริษัท ภายหลังจากที่ได้ลงทุนในโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนร่วมขนาดกำลังผลิตติดตั้ง 230 เมกะวัตต์ ในปี 2560 โดยบริษัทฯเข้าถือหุ้นในสัดส่วน 36.1% ทำให้มีการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากการลงทุนปีประมาณละ 250 ล้านบาท และบริษัทฯอยู่ระหว่างศึกษาความเป็นไปได้ในการลงทุนโรงไฟฟ้าเพิ่มเติม เพื่อเพิ่มแหล่งที่มาของรายได้ประจำ (Recurring Income) และกระจายความเสี่ยงการดำเนินธุรกิจ เพื่อสร้างผลตอบแทนที่ยั่งยืนและมั่นคงในระยะยาว
ส่วนผลการดำเนินงานในไตรมาส 1/61 ที่กำไรปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ระดับ 100.77 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 1.14 พันล้านบาท เนื่องจากมีการขาดทุนจากสต็อก LPG ภายหลังราคา LPG ในตลาดโลกปรับตัวลดลง 107.5 ดอลลาร์/ตัน จาก เดือนธ.ค.60 อยู่ที่ 580 ดอลลาร์/ตัน มาอยู่ที่ 472.5ดอลลาร์/ตัน ในเดือนมี.ค. 2561 ขณะที่ในช่วงไตรมาส 1/60 บริษัทมีกำไรจากสต็อก LPG อย่างไรก็ตาม ในแง่ยอดขาย LPG ในไตรมาส 1/61 เพิ่มขึ้นกว่า 10% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน สะท้อนให้เห็นถึงดีมานด์ที่เพิ่มขึ้นได้อย่างชัดเจน