ผมขอยืนยันว่า บริษัทฯ ยังมีความแข็งแกร่ง ปัจจัยพื้นฐานยังคงดีอยู่ บริษัทฯ สามารถสร้างรายได้และทำกำไรได้อย่างต่อเนื่อง ถึงแม้จะปรับตัวลดลงไปจากปีก่อน โดยไตรมาสแรกของปีนี้บริษัทฯ ยังมีกำไรถึง 148.84 ล้านบาท เมื่อเทียบกับในอุตสาหกรรมเดียวกัน ถือว่าบริษัทฯ ยังคงมีกำไรดีอยู่ แม้ว่าเราจะสูญเสียทรัพยากรบุคคลไปจำนวนหนึ่ง แต่ถึงอย่างไร บริษัทฯ ก็ยังคงรักษามาร์เก็ตแชร์ได้ดีพอสมควร และจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้นอย่างสม่ำเสมอ ฝ่ายบริหารฯ ก็พยายามปรับกลยุทธ์เพื่อสร้างรายได้และดำเนินธุรกิจพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ๆ อยู่ตลอดเวลา นอกจากนี้ ในส่วนของผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัทฯ คือ ธนาคารเมย์แบงก์ ซึ่งเป็นธนาคารอันดับ 1 ของมาเลเซียยังคงให้การสนับสนุนการดำเนินงานของเราอย่างเต็มที่ โดยเป็นธนาคารที่มีผลการดำเนินงานสูงสุดในประวัติศาสตร์ตลาดหลักทรัพย์มาเลเซีย ยังคงมีความเชื่อมั่นในประเทศไทยอย่างมากและไม่ได้ขายหุ้นใดๆออกมา จากที่ถืออยู่ประมาณ 83% ในส่วนของเรื่องคดีความนั้น กำลังอยู่ในขั้นตอนของการพิจารณาคดี ปัจจุบันยังคงอยู่ในขั้นตอนของการสืบพยาน ซึ่งต้องใช้เวลาในการพิจารณาอยู่พอสมควร ซึ่งขณะนี้ถือว่าคดียังไม่สิ้นสุด
"ผมขอให้นักลงทุนพิจารณาราคาหุ้น MBKET จากปัจจัยพื้นฐานของบริษัทฯ ที่ยังคงมีความแข็งแกร่ง อย่าหลงเชื่อข่าวลือ ที่ส่งผลกระทบกับความเชื่อมั่นที่นักลงทุนมีต่อ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) ซึ่งเชื่อว่าจะส่งผลกระทบกับความตื่นตระหนกของนักลงทุนในระยะสั้นๆ เท่านั้น ราคาหุ้นที่ตกมาระดับนี้ หากคิดจากปันผลรวม 1.10 บาท/หุ้น ในปี 2560 ราคาหุ้นที่ตกลงมาเหลือ 13 บาทนั้น คิดเป็น Dividend Yield ถึง กว่า 8% เลยทีเดียว บริษัทฯ ยังคงให้บริการที่ดีให้กับลูกค้าและเป็นบริษัทฯ ที่มีฐานเงินทุนที่แข็งแกร่งจากธนาคารเมย์แบงก์ที่เป็นธนาคารที่มีมูลค่าตลาดสูงกว่า 8 แสนล้านบาท ซึ่งเป็นอันดับ 1 ของตลาดหลักทรัพย์มาเลเซีย จึงเชื่อมั่นได้ว่า เราจะคงยืนหยัดดำเนินธุรกิจเพื่อมอบบริการที่มีคุณภาพให้แก่ลูกค้าของเราตลอดไป" นายมนตรี กล่าวในที่สุด