นางจันทิรา ยิมเรวัต วิวัฒน์รัตน์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 29 พ.ค.-2 มิ.ย. 61 กรมฯได้จัดกิจกรรมจับคู่เจรจาธุรกิจระหว่างผู้ประกอบการไทยกับเว็บไซต์ค้าปลีกระดับโลก ประกอบด้วย Tmall.com เว็บไซต์ค้าปลีก ที่ใหญ่ที่สุดในจีน ภายใต้บริษัท อาลีบาบา กรุ๊ป รวมถึงAmazon.com ประเทศสหรัฐอเมริกา, Redmart.com ประเทศสิงคโปร์ และ Gosoko.com ประเทศ แอฟริกาใต้ เป็นต้น ซึ่งเป็นกิจกรรมในงานไทยเฟ็กซ์ – เวิลด์ ออฟฟู้ด เอเชีย 2018 มาเจรจาจับคู่ธุรกิจกับผู้ประกอบการสินค้าอาหารและผลไม้ไทย เพื่อคัดเลือกสินค้าที่มีคุณภาพไปจำหน่ายบนเว็บไซต์
"กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศต้องการหาตลาดต่างประเทศที่มีศักยภาพ เพื่อกระจายสินค้าของไทย โดยเฉพาะอาหารและผลไม้ของไทยไปตลาดต่างๆทั่วโลกผ่านช่องทางอี-คอมเมิร์ซ ไม่ว่าจะเป็นตลาดจีน, ตลาดเอเชีย ,สหรัฐฯ,ยุโรปและแอฟริกา เป็นต้น ซึ่งถือว่างานนี้ประสบความสำเร็จอย่างมาก เพราะนอกจาก Tmall.com แล้ว ยังมีเว็บไซต์ค้าปลีกระดับโลกรายอื่นๆเข้าร่วมกิจกรรมอย่างมาก และมีการสั่งซื้อสินค้าจากผู้ประกอบการไทยทันทีและคาดว่าในอนาคตเว็บไซต์ค้าปลีกระดับโลกรายอื่นๆ จะเข้ามาเจรจาธุรกิจกับไทยและจะมีการต่อยอดสั่งซื้อสินค้าไทยชนิดอื่นๆเพิ่มขึ้นอย่างมาก"อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศกล่าว
นางจันทิรา กล่าวต่อว่าสำหรับผลของการจับคู่ธุรกิจในงานแบ่งเป็น 2 ช่วงคือ ในงาน Thai Flagship Store Business Matching ซึ่งเป็นการจับคู่ธุรกิจของ ผู้ประกอบการไทยกับ TMALL.com จำนวน 72 คู่ แยกเป็น 4 กลุ่มสินค้า คือด้านผลไม้สด 17 คู่, ผลไม้อบแห้ง 12 คู่, ข้าวและผลิตภัณฑ์จากข้าว 39 คู่ และอาหารสัตว์เลี้ยง 4 คู่ โดยมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 572 ล้านบาท โดยสินค้าที่ทาง TMALL.com ให้ความสนใจเป็นพิเศษ ได้แก่ ข้าว ผลิตภัณฑ์จากข้าว ผลไม้แปรรูป ผลไม้สด อาทิ ลำไย อบแห้ง ทุเรียน ทุเรียนอบแห้ง มะพร้าว เป็นต้น
ส่วนการจับคู่ธุรกิจผู้ประกอบการกับเว็บไซต์ค้าปลีกอื่นๆ ในโครงการ Cross-Border e-Commerce Solutions & Business Matching มีการเจรจาทั้งหมดจำนวน 65 คู่ โดยพบว่าในส่วนของ Redmart.com ประเทศสิงคโปร์ ผู้เข้าร่วมเจรจาธุรกิจ 34 ราย , Amazon.com ประเทศสหรัฐอเมริกา มีผู้เข้าร่วมเจรจา 33 ราย , Gosoko.com ประเทศ แอฟริกาใต้ มีผู้เข้าร่วมเจรจา 32 ราย ซึ่งคาดว่าจะมีการซื้อขายทันทีกว่า 4.5ล้านบาท
ทั้งนี้ส่วนใหญ่จะเป็นสินค้าประเภท ลำไยอบแห้ง มะพร้าว มะพร้าวอบกรอบ น้ำมันมะพร้าว น้ำมันมะพร้าวสกัดเย็น ข้าวเหนียวทุเรียนอบกรอบ ข้าวเหนียวมะม่วงอบกรอบ มะม่วงอบแห้ง กระเทียมดำ กล้วยอบ ขนมเพื่อสุขภาพ ขนมอบกรอบ ข้าว ข้าวอบกรอบ เครื่องดื่ม เครื่องแกง ชาลำไย ชาออร์แกนิค ซอสปรุงรส เป็นต้น ซึ่งเป็นสินค้าที่ได้รับความนิยมในตลาดสหรัฐ สิงคโปร์ และแอฟริกาใต้ อยู่ในขณะนี้
นางจันทิรา กล่าวต่อว่า ปัจจุบันธุรกิจอี-คอมเมิร์ซกำลังได้รับความนิยมทั่วโลกและรัฐบาลไทยก็มีนโยบายส่งเสริมให้ผู้ประกอบการรายย่อยและเอสเอ็มอีใช้ช่องทางการค้าออนไลน์เพื่อทำตลาดการส่งออกไปตลาดต่างๆ ในต่างประเทศได้ง่ายขึ้น ดังนั้นเพื่อสนองนโยบายรัฐบาลกรมฯได้จับมือกับเว็บไซต์ค้าปลีกออนไลน์ชั้นนำทั่วโลกเข้ามาเป็นพันธมิตรในการจำหน่ายสินค้าของผู้ประกอบการไทย
"ถือเป็นโอกาสของเกษตรกร, ผู้ประกอบการรายย่อยหรือเอสเอ็มอี ที่ต้องการขยายตลาดสินค้าไปยังตลาดต่างๆทั่วโลก แต่ผู้ที่สามารถดำเนินการเบื้องต้นต้องจดทะเบียนเป็นนิติบุคคลที่มีความพร้อมในการส่งออกก่อน จากนั้นก็เป็นสมาชิกของThaitrade.com ซึ่งเป็นอี-มาร์เก็ตเพลสของหน่วยงานภาครัฐ ที่รวบรวมสุดยอดสินค้าคุณภาพของประเทศไทย เพราะการเป็นสมาชิก Thaitrade.com จะช่วยการันตีเรื่องของคุณภาพสินค้าและมีตัวตนจริง ซึ่งจะทำให้ผู้บริโภคต่างประเทศมีความเชื่อมั่นมากขึ้น"นางจันทิรา กล่าว
ผู้สนใจเข้าร่วมโครงการสามารถสอบถามรายละเอียดได้ที่ กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ(DITP) กระทรวงพาณิชย์ www.ditp.go.th หรือโทรสายตรงการค้าระหว่างประเทศ 1169