นายฮิโระโนะริ คิริว ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.โตเกียวมารีนประกันภัย (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า "จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยในปีที่ผ่านมา และยอดการจำหน่ายรถยนต์ใหม่ที่ปรับตัวสูงขึ้น สะท้อนให้เห็นถึงผลการดำเนินงานของ โตเกียวมารีนประกันภัย (ประเทศไทย) ที่เติบโตสูงขึ้นและยังคงส่งผลถึงการเติบโตอย่างต่อเนื่องในไตรมาสแรกของปีนี้ ซึ่งปีนี้บริษัทฯตั้งเป้าการเติบโตมากกว่า 4% คิดเป็นเบี้ยประกันภัยรับรวมประมาณ 8,346 ล้านบาท และตั้งเป้าในปี 2020 จะมีเบี้ยประกันภัยรับรวมประมาณ 9,100 ล้านบาท โดยบริษัทได้เริ่มนำความเทคโนโลยีและความเชี่ยวชาญระดับสากลมาพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการต่างๆ เพื่อตอบสนองกับความต้องการของผู้บริโภคในยุคดิจิทัล และ เสริมสร้างโอกาสทางธุรกิจในการขับเคลื่อนธุรกิจประกันวินาศภัยไทยสู่ไทยแลนด์4.0"
ด้านการเตรียมความพร้อมเพื่อตอบรับการเติบโตขององค์กรในยุคดิจิทัล ล่าสุดบริษัทได้เข้าร่วม InsurTech Sandbox ที่ได้รับการส่งเสริมจากสำนักงาน คปภ. โดยเปิดโอกาสให้บริษัทประกันภัยที่เข้าร่วมโครงการ Sandbox ทำงานร่วมกับ InsurTech Startup เพื่อพัฒนาและนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ๆในการตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคในยุคดิจิทัล
นอกจากนั้น ในด้านบริการเคลม บริษัทได้พัฒนาระบบ "Claim Process Integration" ซึ่งเป็นเชื่อมต่อการให้บริการเคลมแบบ all claim process ด้วยซอฟต์แวร์ระดับสากล ที่ช่วยประมวลผลด้านการเคลมให้เป็นหนึ่งเดียว ตั้งแต่การแจ้งเคลมจนถึงขั้นตอนการรับรถออกจากศูนย์ซ่อม ซึ่งช่วยติดตามผลสำรวจความพึงพอใจเพื่อนำมาปรับปรุงการให้บริการของบริษัทต่อไป คาดว่าจะนำมาใช้ภายในไตรมาส 3 ของปีนี้
ด้านการผนึกกำลังร่วมกับโตเกียวมารีนกรุ๊ป นายชินคิจิ ไมค์ มิกิ กรรมการผู้จัดการ โตเกียวมารีนเอเชีย เปิดเผยว่า "โตเกียวมารีนเอเชีย พร้อมสนับสนุนธุรกิจประกันวินาศภัยในประเทศไทย โดยได้มีการจัดตั้งหน่วยงานพิเศษขึ้นมาเพื่อศึกษาและพัฒนาโครงการด้านดิจิทัลและนวัตกรรมต่างๆ เพื่อสร้าง Knowledge Sharing ระหว่างกัน ซึ่งขณะนี้ เริ่มมีการนำเทคโนโลยีใหม่ๆจากการศึกษาและพัฒนาไปใช้ในธุรกิจประกันวินาศภัยของบริษัทแล้ว คาดว่าจะสามารถนำนวัตกรรมใหม่ๆ มาปรับใช้ในไทยเร็วๆนี้ ในอนาคตผมมองว่า กลุ่มบริษัทโตเกียวมารีนในทวีปเอเชีย จะประสานความร่วมมือกัน (Synergy) พัฒนาระบบไอทีและดิจิทัล เพื่อสร้างความแข็งแกร่งในภูมิภาคและการเติบโตที่ยั่งยืนในอนาคตต่อไป"
สำหรับโตเกียวมารีนประกันภัย (ประเทศไทย) ดำเนินกลยุทธ์ผ่านช่องทางการขายหลัก ประกอบไปด้วย 1.ฐานลูกค้าที่แข็งแกร่งจากเครือข่ายบริษัทสัญชาติญี่ปุ่นที่ดำเนินธุรกิจในไทยและกลุ่มประเทศแม่น้ำโขงซึ่งให้ความไว้วางใจบริษัทมาอย่างยาวนาน 2.การเป็นพันธมิตรร่วมกับดีลเลอร์ผู้แทนจำหน่ายรถยนต์ อาทิ มิตซูบิชิ โตโยต้า อีซูซุ ซูซูกิ ฮอนด้า นิสสัน ฮุนได และ พันธมิตรรายล่าสุดอย่าง เมอร์ เซเดส เบนซ์ เพื่อมอบสิทธิประโยชน์และบริการที่ดีที่สุดให้แก่ลูกค้า 3.ช่องทางการขายผ่านตัวแทนและ โบรกเกอร์ 4.ช่องทางอื่นๆ ประกอบด้วยการขายสินค้าผ่านสถาบันการเงิน (Bancassurance) และ ช่องทางการขายประกันภัยรถยนต์ออนไลน์ โดยมีสัดส่วนของธุรกิจประกันภัยรถยนต์อยู่ที่ 48% และ ประกันภัยที่ไม่ใช่รถยนต์ (non-motor) อยู่ที่ 52% ในปีที่ผ่านมา
นอกจากนั้น ในปีนี้บริษัทฯ ยังได้วางกลยุทธ์เพื่อสร้างรายได้จากธุรกิจใหม่ของบริษัท อาทิ โครงการประกันสินเชื่อเพื่อเครื่องจักรกลทางการเกษตร ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ในการคุ้มครองผู้เช่าซื้อเครื่องจักรกลทางการเกษตร, กรมธรรม์ประกันภัยสำหรับการจัดงานต่างๆ (Event Cancellation Insurance), กรมธรรม์ประกันภัยไซเบอร์ เพื่อคุ้มครองสินทรัพย์ประเภทข้อมูลและการถูกจารกรรมจากภัยไซเบอร์ เป็นต้น