ศาสตราจารย์ แพทย์หญิง อรพรรณ โพชนุกูล รองอธิการบดีฝ่ายการนักศึกษา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวว่า มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์มีแนวทางการบริหารงานชัดเจน คือ ไม่ใช่เพียงแค่การผลิตบัณฑิต สร้างงานวิจัย และงานวิชาการเท่านั้น หากแต่ต้องทำหน้าที่ "สร้างคน" ปลูกฝัง ความรู้และทักษะด้านความเป็นผู้ประกอบการ เพื่อให้สอดรับกับทิศทางของโลก และแนวโน้มที่เป็นลักษณะเด่นของคนใน Generation Z ซึ่งจะตอบโจทย์เป้าหมายและนโยบายการมุ่งสู่ประเทศไทย 4.0 ด้วยเช่นกัน
โดยปัจจุบันมีผลงานวิจัยพื้นฐานและประยุกต์ที่ร่วมมือกับภาคเอกชน ซึ่งส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่เป็นประโยชน์ต่อสังคมชุมชน และประเทศชาติอย่างแท้จริง รวมทั้งมีเป้าหมายสำคัญ คือ การจัดตั้งศูนย์วิศวกรรมทางการแพทย์ที่ดีที่สุดในประเทศ ซึ่งสามารถการันตีได้ด้วยจำนวนสิทธิบัตรและจำนวนรางวัลระดับนานาชาติมากที่สุดในประเทศช่วงระยะ 3 ปีของการบริหารมหาวิทยาลัย มีการสร้างความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์ร่วมกับองค์กรชั้นนำทั้งในและต่างประเทศ เพื่อขับเคลื่อนนวัตกรรม โดยปัจจุบันมีผลงานของนักศึกษาที่ชนะการแข่งขัน Startup Thailand League จำนวน 33 ชิ้นงาน อาทิ ผลงาน Walk we walk together (ไอวอล์ค) ผลิตหุ่นยนต์ช่วยฝึกเดินที่ช่วยให้ผู้ป่วยโรคหลอดเลือดเดินได้เสมือนจริง มีการถ่ายทอดเทคโนโลยีไปสู่บริษัทเอกชนเพื่อผลิตและจำหน่ายในเชิงพาณิชย์ เป็นต้น
รองศาสตราจารย์ ดร.พิภพ อุดร คณบดีคณะพาณิชย์ศาสตร์และการบัญชี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวว่า การส่งเสริมกลยุทธ์ด้านวิจัย และนวัตกรรม ทำให้เกิดความร่วมมือกับภาคเอกชนอย่างเป็นระบบ ส่งผลให้ดัชนีความเป็นนานาชาติของมหาวิทยาลัยเพิ่มสูงขึ้นในทุกมิติ โดยทุกคณะมีโครงการที่ตรงกับความเชี่ยวชาญ นำไปสู่การสร้างชื่อ ธรรมศาสตร์ ให้กลายเป็น International Brand ที่รับรู้โดยประชาคมนานาชาติว่าเป็นสถาบันการศึกษาที่มีความเป็นเลิศในฐานะมหาวิทายาลัยของประชาชน และพร้อมเดินหน้าไปสู่ SMART University พัฒนา 4 ศูนย์ของธรรมศาสตร์ให้มีความโดดเด่น ประกอบด้วย ท่าพระจันทร์ – ผู้นำสังคมศาสตร์และมนุษย์ศาสตร์/ รังสิต – ผู้นำนวัตกรรมวิทยาศาสตร์สุขภาพ เทคโนโลยี และการเรียนรู้/ พัทยา – ศูนย์วิชาการเพื่อรองรับการเติบโตของ EEC/ ลำปาง – ศูนย์วิชาการเพื่อท้องถิ่นและเชื่องโยงอาเซียน พลิกฟื้นความเป็นผู้นำด้านสังคมศาสตร์ผ่าน "ศูนย์วิจัยสันติประชาธรรม" ศูนย์คนรุ่นใหม่ (Gen Next Studies) ศูนย์ Startups Accelerator เพื่อความเป็นเลิศทางด้านสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์ ในจุดเด่นด้านวิทยาศาสตร์สุขภาพ ผ่านศูนย์บูรณาการความเป็นเลิศ
ด้านสุขศาสตร์ และผลักดันการสร้างความเป็นเลิศด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ผ่านศูนย์นวัตกรรมเพื่ออุตสาหกรรมหลักของประเทศตามแนวทาง Digital Thailand 4.0 นายทัศไนย เหมือนเสน ผู้ช่วยรองประธานกรรมการผู้จัดการ บริษัท จัดหางาน จ๊อบบีเคเค ดอท คอม จำกัด ผู้ให้บริการ WWW.JOBBKK.COM เว็บไซต์ หางาน สมัครงาน ยอดนิยมอันดับ 1 ของประเทศไทย กล่าวว่า บริษัทฯ มีความยินดีที่ได้รับความไว้วางใจจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ในการร่วมจัดงาน TU JOB FAIR 2018 ในครั้งนี้ ซี่งจะจัดขึ้น ในวันที่ 21-22 กุมภาพันธ์ 2561 เวลา 10.00 น.- 17.30 น. ณ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (รังสิต) ยิมเนเซียม 4 เพื่อเปิดโอกาสหางานให้บัณฑิตธรรมศาสตร์รุ่นใหม่ก้าวเข้าสู่การทำงานยุค Digital 4.0 ซึ่งทางบริษัทฯ มองว่า การจัดงานไม่ใช่เพียงแค่การเป็นคนกลางระหว่างผู้ประกอบการ และนักศึกษาที่จะมาพบกัน แต่ภายในงานจะเป็นการให้ความรู้ทักษะอาชีพใหม่ ๆ การพัฒนาเครือข่ายการทำงานร่วมกันระหว่างบุคลากรภาคการศึกษา สร้างความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์ร่วมกัน เพื่อสร้างสรรค์สิ่งใหม่ให้กับประเทศและสังคม ตามยุทธศาสตร์ของประเทศ
ซึ่งในปี 2560 ที่ผ่านทางบริษัทฯ ได้ร่วมมือกับมหาวิทยาลัยและสถาบันการศึกษา เพื่อแบ่งปันประสบการณ์และความรู้ทั่วประเทศกว่า 90,000 คน กว่า 100 มหาวิทยาลัย ทั้งในระดับอาชีวะและมหาวิทยาลัย นอกจากนั้น บริษัท จัดหางาน จ๊อบบีเคเคดอท คอม จำกัด ได้ลงนามบันบันทึกความร่วมมือ (MOU) กับกรมการจัดหางาน และได้จัดงาน JOB FAIR ในภูมิภาค ต่าง ๆ ทั่วประเทศ โดยทุก ๆ เดือน มีผู้ร่วมงานให้ความสนใจอย่างมากมาย ในแต่ละภูมิภาค เพื่อเป็นการสนับสนุนให้คนไทย มีงานทำที่ดีในปีที่แล้วมีผู้ร่วมงาน JOB FAIR ในทุกภูมิภาครวมทั้งสิ้นกว่า 300,000 คนและเพื่อสนับสนุนนโยบายประชารัฐสนับสนุน การพัฒนาประเทศในยุค Thailand 4.0 และในปีนี้ทางเว็บไซต์ WWW.JOBBKK.COM ได้มีการปรับกลยุทธเพื่อรองรับการหางานที่เพิ่มขึ้นในหลาย ๆ ส่วน โดยส่วนสำคัญระบบจะทำการรองรับการทำงานในส่วน AI (Artificial Intelligence) และ Machine Learning ซึ่งการทำงานเพื่อ Matching ระหว่างตำแหน่งงานและผู้สมัครงาน ให้ตรงกับความต้องการของผู้สมัครงานมากที่สุด และทางทีมงานกำลังนำเอา AI มาช่วยต่อยอดในการจัดงาน JOB FAIR ให้มีประสิทธิภาพ สะดวกและรวดเร็วมากกว่าในปัจจุบัน ซึ่งสามารถสมัครได้ผ่าน Mobile Application, QR CODE และระบบลงทะเบียนล่วงหน้า เพื่อให้สะดวกในการสมัครงานล่วงหน้าก่อนงาน JOBFAIR แต่ระบบใหม่ที่ทางทีมงานพัฒนาจะทำให้สามารถจดจำใบหน้าของผู้สมัครงาน (Face Recognize) เพื่อที่จะสามารถเข้าถึง Resume บนระบบเพื่อใช้ในการสมัครงานได้อย่างรวดเร็วอีกด้วย
นอกจากนั้นนายทัศไนย เหมือนเสน ยังได้กล่าวด้วยว่า กลยุทธปีนี้ WWW.JOBBKK.COM จะมีบริการใหม่ ๆ ออกมาเพื่อรองรับการทำงานในยุค Digital 4.0 หลายระบบด้วยกัน ซึ่งการทำงานในยุค Digital 4.0 ส่วนหนึ่งจะเป็นการทำงานในรูปแบบ Dynamic/ Digital Work Place โดยในส่วนแรกทาง WWW.JOBBKK.COM จะเพิ่มงานในส่วน Gig Economy โดยระบบจะสามารถรองรับงาน Freelances และมี Smart dashboard ให้บริการตาม Co-working Space, ร้านกาแฟ และสถาบันการศึกษาต่าง ๆ ทั่วประเทศเพื่อให้คนรุ่นใหม่สามารถเข้าถึงงาน Freelances ได้สะดวกยิ่งขึ้น และจะมีระบบ Digital Work Place ให้เข้ามาทำงานร่วมกันและอัพเดทการทำงานในยุคใหม่ ที่รองรับการทำงานที่สามารถทำงานจากที่ไหนก็ได้ ทุกที่ ทุกเวลาอีกด้วย
ทั้งนี้การขับเคลื่อน Digital Thailand 4.0 ของรัฐบาล และการเติบโตของพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ การใช้สมาร์ทโฟนที่เพิ่มขึ้นของประชากรไทย รวมทั้งไลฟ์สไตล์การทำงานที่เปลี่ยนไปของสังคมยุคใหม่ ที่ถูกห้อมล้อมไปด้วยนวัตกรรม ส่งผลต่อการพัฒนาทักษะการทำงานใหม่ ๆ อีกทั้งหลักสูตรการเรียน การสอนในมหาวิทยาลัยมีการปรับเปลี่ยนให้มีความทันสมัยขึ้นด้วย
ซึ่งการดำเนินงานของภาคเอกชนจึงหยุดนิ่งไม่ได้มีการปรับกลยุทธ์การทำงานเชิงรุกเพื่อให้เกิดการพัฒนาองค์ความรู้ใหม่ ๆ เกี่ยวกับการหางานทำเพื่อการเข้าสู่การทำงานในระดับสากลของบัณฑิตจบใหม่ และล่าสุดยังได้ผนึกกำลัง จัดงาน TU JOB FAIR 2018 ระหว่างวันที่ 21 - 22 กุมภาพันธ์ 2561 เวลา 10.00 น. – 17.30 น. ณ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (รังสิต) ยิมเนเซียม 4 เพื่อสร้างความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์