นายบัณฑิต สะเพียรชัย กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้เข้าซื้อกิจการของบริษัท ลมลิกอร์ จำกัด ผู้ประกอบธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานลม กำลังการผลิต 10 เมกะวัตต์ ที่อำเภอปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2561 ด้วยการเข้าซื้อหุ้นทั้งหมดจากกลุ่มผู้ถือหุ้นเดิม โดยมีวงเงินลงทุนรวมค่าหุ้นและค่าก่อสร้างไม่เกิน 825 ล้านบาท โครงการดังกล่าวขณะนี้อยู่ในระหว่างการก่อสร้าง คาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จและเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ได้ภายในสิ้นปี 2561
การลงทุนของบริษัทฯ ในครั้งนี้ ถือเป็นการขยายธุรกิจการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนประเภทอื่นๆ ภายใน ประเทศนอกเหนือไปจากพลังงานแสงอาทิตย์ และเป็นการลงทุนในธุรกิจพลังงานลมในไทยเป็นครั้งแรกในฐานะผู้ดำเนินกิจการ หลังจากร่วมลงทุนในบริษัท เพโทรวินด์ เอเนอร์ยี จำกัด ซึ่งประกอบธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานลมในประเทศฟิลิปปินส์ กำลังการผลิตรวม 50 เมกะวัตต์ เมื่อช่วงไตรมาสที่สองของปี 2560
นายบัณฑิตกล่าวว่า "ผมมั่นใจว่าการลงทุนในโครงการนี้จะสามารถสร้างผลตอบแทนที่น่าพอใจ โดยบริษัทฯ จะขายไฟฟ้าได้ประมาณหน่วยละ 7 บาทจากการได้รับส่วนเพิ่มราคารับซื้อไฟฟ้า (adder) ในอัตรา 3.50 บาทต่อหน่วย จากราคาค่าไฟฐาน เป็นระยะเวลา 10 ปี นอกจากนี้ ยังเป็นโอกาสดีในการขยายฐานธุรกิจพลังงานหมุนเวียนในประเทศ เป็นการเสริมสร้างความรู้ความชำนาญของบีซีพีจีในการดำเนินการธุรกิจพลังงานลม โดยโครงการลมลิกอร์ ตั้งอยู่ในอำเภอปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช ซึ่งมีความเร็วลมสูง เหมาะแก่การตั้งโรงไฟฟ้าพลังงานลม อีกทั้งยังเป็นการตอบสนองต่อความต้องการใช้พลังงานไฟฟ้าในพื้นที่ภาคใต้ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เป็นผลดีต่อประเทศชาติในภาพรวม โดยการเข้าซื้อกิจการในครั้งนี้ คำนึงถึงผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกภาคส่วนและผลตอบแทนต่อผู้ถือหุ้นเป็นสำคัญ รวมถึงการดูแลชุมชนในพื้นที่ ระบบนิเวศ วิทยาและสิ่งแวดล้อม ตามนโยบายการพัฒนาธุรกิจอย่างยั่งยืนของบริษัทฯ ทั้งนี้บริษัทฯ ยังคงขยายธุรกิจโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนอย่างต่อเนื่อง ในขณะเดียวกัน ก็กำลังเข้าสู่การทำธุรกิจกับลูกค้ารายย่อยด้วยการนำเทคโนโลยี Blockchain มาใช้ในการบริหารจัดการซื้อขายไฟฟ้าจากการติดตั้งโซลาร์รูฟท็อป เพื่อให้ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงพลังงานหมุนเวียนได้มากขึ้น สร้างความเติบโตทางธุรกิจอย่างยั่งยืนในระยะยาว
ดร.สุเมธ สุทธภักติ ในฐานะผู้ริเริ่มและพัฒนาโครงการเดิม กล่าวว่า "ขอขอบคุณบีซีพีจีที่เข้ามารับหน้าที่ดำเนินโครงการลมลิกอร์นับจากนี้เป็นต้นไป ผมมั่นใจว่าบีซีพีจีในฐานะผู้นำด้านธุรกิจพลังงานหมุนเวียนในภูมิภาคเอเชียตะวัน ออกเฉียงใต้ที่ได้รับการยอมรับจากนานาประเทศทั้งในด้านการทำธุรกิจและการบริหารจัดการอย่างมีการกำกับดูแลกิจการที่ดี รวมถึงการมีสถานะการเงินที่มั่นคง จะเสริมนวัตกรรมต่อยอดโครงการลมลิกอร์และสามารถนำผลที่ได้ไปพัฒนาอุตสาหกรรมการผลิตกระแสไฟฟ้าจากพลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด"