นางสาวพรทิพย์ แก่นจันทร์ กรรมการผู้จัดการ นิตยสาร SMEs สร้างอาชีพ เปิดเผยว่า "สำหรับการจัดงานมอบรางวัลภายใต้ชื่องาน "SMEs สร้างอาชีพ Awards 2018" ขึ้นเป็นปีที่ 5ก้าวสู่ปีที่ 6 เพื่อมอบรางวัลแก่กลุ่มธุรกิจ SMEs จำนวน 35 แบรนด์ ซึ่งแบ่งเป็นรางวัลประเภท The Best of Product , THE Best of Thai Herbal Skincare, The Best of Customer Service , The Best of Franchise , The Best of Academy , The Best of CEO Branding Strategy, และรางวัล SME สร้างอาชีพ Popular vote ซึ่งเป็นรางวัลที่ทีมงาน SMEs สร้างอาชีพ ได้ทำการคัดสรรประเภท 5 ธุรกิจที่มีการเติบโตและได้รับการยอมรับจากผู้บริโภคมาตลอดระยะเวลา 1 ปี เพื่อเข้าชิงรางวัล SMEs สร้างอาชีพ Popular Vote ประจำปี 2561 ในครั้งนี้โดยมีผู้ที่ติดตามข่าวสารจากสื่อต่างๆ ของ SMEs สร้างอาชีพ เป็นผู้ตัดสิน การจัดงานมอบรางวัลอย่างต่อเนื่องรู้สึกเป็นเกียรติ และภาคภูมิใจร่วมไปกับเจ้าของธุรกิจเอสเอ็มอีที่ร่วมเข้ารับรางวัลทุกๆ ท่าน งานมอบรางวัล SMEs สร้างอาชีพ Awards เป็นงานที่มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อมุ่งหวัง ในการสร้างขวัญและกำลังใจให้ผู้ประกอบธุรกิจ และเพื่อประกาศเกียรติยศ ในความสำเร็จของผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่ดำเนินธุรกิจด้วยความมุ่งมั่น และมีจริยธรรมในการดำเนินธุรกิจมาโดยตลอด"
หลักเกณฑ์ในการตัดสินมอบรางวัลพิจารณาจะมีทีมตรวจสอบคุณสมบัติ โดยมีหลักเกณฑ์ในการตรวจสอบคุณสมบัติ ดังนี้คือ
1. เป็นธุรกิจที่มีรูปแบบการบริหารงาน มีกระบวนการและมีระบบการดำเนินธุรกิจที่มีมาตราฐานและได้รับความนิยมจากผู้บริโภค
2. เป็นธุรกิจที่มีผู้บริหารที่มีทัศนะคติ และมีมุมมองในการบริหารงานที่โดดเด่นในการนำองค์กรสู่ความสำเร็จ
3. เป็นบุคคล หรือสถาบันที่มีส่วนในการพัฒนาอาชีพ ให้กับผู้ที่ต้องการมีอาชีพอย่างดีเยี่ยมมาโดยตลอด
4. เป็นบุคคลที่เป็นผู้สร้างแรงบันดาลใจให้ผู้ประกอบการรายใหม่ๆ
5. เป็นธุรกิจที่มุ่งเน้นการให้บริการลูกค้า และมีการทำการตลาดอย่างต่อเนื่อง
6. สินค้า หรือผลิตภัณฑ์ได้รับมาตราฐานถูกต้องตามกฎหมาย และได้รับการตอบรับจากผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง
7. สินค้า หรือผลิตภัณฑ์ได้รับมาตราฐานถูกต้องตามกฎหมาย พร้อมทั้งมีความโดดเด่นมีเอกลักษณ์อย่างยอดเยี่ยม
8. เป็นธุรกิจการให้บริการ ที่มีความโดดเด่น ทันสมัย ตอบโจทย์ผู้บริโภคได้อย่างดีเยี่ยม
9. เป็นธุรกิจแฟรนไชส์ที่อยู่ในกระแสความนิยมของนักลงทุน และกระแสตอบรับจากผู้บริโภคในปัจจุบัน
10. เป็นธุรกิจที่ประสบความสำเร็จในด้านการสร้างกำไรจากยอดขาย
11. เป็นธุรกิจสร้างสรรค์ที่นำมาซึ่งการสร้างผลิตภัณฑ์ หรือรูปแบบการให้บริการ ใหม่ที่ตอบโจทย์ผู้บริโภค
กรรมการผู้จัดการ กล่าวต่อไปว่า " นอกจากนี้ในปี 2561 กลุ่มรางวัล Star Business ที่มีความมุ่งมั่น จริงจัง พร้อมมีแนวคิดการทำการตลาด อาทิ คุณหวาหว่า นักร้องจากวงไชน่าดอลล์ ขนตาปลอมคุณภาพพรีเมี่ยมจากแบรนด์ BabyLashes , คุณโบวี่ อัฐมา ชีวนิชพันธ์ จากแบรนด์อาหารเสริม 4SENSE และคุณเบลล์ มนัญญา นักร้องวงเกิร์ลลี่เบอร์รี่ จากร้านเบเกอรี่ALL Are Eggs , คุณมิค-บรมวุฒิ หิรัณยัษฐิติ จากแบรนด์ ปูไข่เยิ้ม by Mick และ คุณเมย์ ปทิดา กำเนิดพลอย จากแบรนด์ มิสเซ่ เป็นต้น
ภาพรวม SMEs ไทยในช่วงครึ่งปีแรกของปี 61 ผู้ประกอบการ SMEs ส่วนมากยังคงมองว่าเศรษฐกิจในประเทศยังคงเป็นช่วงที่ซบเซา เป็นช่วงเวลาแห่งการเปลี่ยนแปลง และความไม่แน่นอน ซึ่งมีความเสี่ยงต่อการดำเนินธุรกิจ และการลงทุนเป็นอย่างมาก ปัจจัยหลายอย่างทำให้ผู้ประกอบการต้องประเมินสถานการณ์ และการลงทุนอย่างรอบครอบ ส่วนตลาดประเทศเพื่อนบ้านนั้นยังคงเปิดกว้างเป็นอย่างมาก นอกจากนี้การเข้ามาของเทคโนโลยี 4.0 ที่ทางภาครัฐฯ ได้สนับสนุนนั้นยังสามารถสนับสนุนด้านการสร้างช่องทางการตลาดให้กับธุรกิจ SMEs ได้เป็นอย่างดีเพื่อให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายทั้งในประเทศ และประเทศเพื่อนบ้านได้ง่าย และรวดเร็วมากยิ่งขึ้น นับว่าเป็นเทคโนโลยีที่ลงทุนต่ำ แต่ได้ประโยชน์สูง ผู้ประกอบการ SMEs ต้องพยายามศึกษาประโยชน์จากเทคโนโลยีนี้ให้มาก เพื่อประโยชน์ต่อการดำเนินธุรกิจต่อไป
สำหรับในปี 2562 ทิศทางตลาดเชื่อว่าการเข้ามาร่วมลงทุนในประเทศไทย ภาครัฐบาลดึง แจ็ค หม่า ประธานบริหารของเครือธุรกิจ อาลีบาบา จะสร้างความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ให้กับวงการธุรกิจเอสเอ็มอีไทย นับว่าเป็นการเพิ่มขีดศักยภาพในการพัฒนาสินค้าและรูปแบบการบริหารใหม่ๆ โดยอาศัยระบบดิจิตอลในการทำให้สินค้าสามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายในตลาดทั่วโลก และอีกโครงการที่น่าสนใจคือ โครงการร่วมส่งเสริมพัฒนาทักษะด้านดิจิตอลอีคอมเมิร์ซ สำหรับเอสเอ็มอี และสตาร์ทอัพของไทย เพื่อยกระดับขีดความสามารถด้านเทคโนโลยีดิจิตอล ที่ทางอาลีบาบาจะจัดทีมงานลงพื้นที่ร่วมกับกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม โดยใช้เครือข่ายศูนย์ปฏิรูปอุตสาหกรรม 4.0 (ไอทีซี) ในระดับภาคและจังหวัดทั้ง 12 แห่ง เพื่อให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีมีความเข้าใจ ได้เรียนรู้และพัฒนาการใช้เทคโนโลยีพัฒนา SME และสตาร์ตอัพระดับชุมชน มากขึ้น และสามารถนำเสนอขายสินค้าผ่านโครงการสมาร์ต ดิจิตอลฮับในอนาคต โดยทั้ง 2โครงการที่กล่าวนี้หากทำสำเร็จเชื่อได้เลยว่าจะทิศทางการตลาดในวงการธุรกิจเอสเอ็มอีจะก้าวไปสู่ในทิศทางที่ดีแน่นอน"
อย่างไรก็ตามมุมมองสำหรับเอสเอ็มอีไทยต่อภาครัฐฯ เล็งเห็นว่านโยบายในการสนับสนุนเอสเอ็มอีไทยที่ผ่านมานั้นภาครัฐบาลเต็มที่ อาทิ สนับสนุนเทคโนโลยี การให้ความรู้ การผลักดันสินค้า และการบริการ ขยายตลาดเพื่อนบ้านจนถึงตลาดโลก รวมไปถึงการสนับสนุนแหล่งเงินทุนในการกู้ยืม ให้แก่ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีไทย ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในการดำเนินธุรกิจดังนั้นในเรื่องเงื่อนไขของการกู้ยืมเงินทุนในการดำเนินธุรกิจ ต้องการให้ภาครัฐฯ ปรับเปลี่ยนเงื่อนไขบางจุด เพื่อให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีไทยได้สามารถเข้าถึงแหล่งเงินกู้ได้สะดวกมากขึ้น เพื่อให้เกิดการกระจายแหล่งเงินกู้เพื่อส่งเสริมธุรกิจเอสเอ็มอีไทยอย่างแท้จริง