นายเชิดชัย พรหมแก้ว รองอธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ เปิดเผยว่า จากการที่กรมปศุสัตว์ได้มีการวิเคราะห์คุณภาพนมของสหกรณ์โคนมทั่วประเทศ พบว่า สหกรณ์โคนมท่าม่วง จำกัด จังหวัดกาญจนบุรี เป็นแหล่งผลิตน้ำนมที่ดีที่สุดของประเทศไทย และมีมาตรฐานตั้งแต่กระบวนการผลิตน้ำนมทั้งระบบ การบริหารจัดการฟาร์ม การให้อาหาร การรีดนมและสุขลักษณะ และสะอาดปลอดภัย ซึ่งในการตรวจสอบคุณภาพของนม ทางสหกรณ์ได้นำตัวอย่างน้ำนมดิบ ใส่หลอดแก้วเพื่อตรวจดูสีของนม ชิมรส และดมกลิ่น ตรวจสอบความสะอาด การตกค้างของฝุ่นละออง และสิ่งเจือปน ซึ่งลักษณะนมที่ดีจะต้องสีขาวหรือสีขาวนวลกลิ่น รส ตามธรรมชาติ สะอาด ปราศจากสิ่งแปลกปลอมปลอม และไม่มีการตกตะกอนของโปรตีน ซึ่งทางสหกรณ์มีระบบการตรวจสอบน้ำนมดิบทุกขั้นตอนที่ได้มาตรฐาน
ปัจจุบัน สหกรณ์ผลิตน้ำนมดิบส่งขายให้กับบริษัทเอกชน แม้ว่าการผลิตนมยังไม่สามารถเทียบกับโรงงานขนาดใหญ่ก็ตาม แต่ก็ถือว่าได้มาตรฐานและมีคุณภาพที่ดี ซึ่งกรมฯ ได้สนับสนุนงบฯจากโครงการไทยนิยมยั่งยืน เพื่อให้สหกรณ์สามารถผลิตน้ำนมบรรจุขวดพาสเจอไรท์ส่งขายตามตลาดต่าง ๆ แต่ขณะนี้ก็ถือว่าสหกรณ์ประสบความสำเร็จพอสมควร แม้ว่าเป็นสหกรณ์โคนมที่เพิ่งเริ่มดำเนินธุรกิจแปรรูปผลิตภัณฑ์นมได้เพียง 1 ปี แต่มีอัตราการเติบโตของธุรกิจอย่างต่อเนื่อง สามารถผลิตนมได้ประมาณ 20 ตันต่อวัน ซึ่งจากการที่กรมส่งเสริมสหกรณ์ได้ส่งเสริมพัฒนาสหกรณ์โคนมมาจนถึงปัจจุบัน พบว่าน้ำนมของสหกรณ์โคนมท่าม่วง จำกัด มีคุณภาพดีที่สุดในประเทศไทย เพราะน้ำนมผ่านค่ามาตรฐานจีเอสในระดับ 2.27
อย่างไรก็ตาม จุดเริ่มต้นของสหกรณ์นี้มีการวางระบบจัดการฟาร์มที่ดี ทำให้สหกรณ์พัฒนาต่อยอดการดำเนินธุรกิจด้านโคนม เนื่องจากผู้บริหารสหกรณ์มองเห็นคุณค่าของการผลิตนมที่มีคุณภาพจำหน่ายให้ผู้บริโภค ส่งผลทำให้ตลาดยอมรับและสร้างรายได้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยสหกรณ์มีเป้าหมายที่จะพัฒนาการเลี้ยงโคนมเพื่อให้เป็นแหล่งผลิตน้ำนมที่ดีที่สุด เน้นเรื่องการควบคุมคุณภาพในทุกขั้นตอนการผลิตผลิตภัณฑ์นมใช้น้ำนมโคแท้ 100% เพื่อรักษาคุณค่าอาหารในน้ำนมดิบให้คงอยู่ให้มากที่สุด เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับผู้บริโภค นอกจากนี้ สหกรณ์ยังได้นำเทคโนโลยีใหม่ ๆ เข้ามาพัฒนาโคนมและคุณภาพน้ำนมที่ได้มาตรฐาน ดังนั้น สหกรณ์แห่งนี้จึงเป็นโมเดลของแหล่งผลิตน้ำนมคุณภาพดีของประเทศไทย ที่สามารถต่อยอดธุรกิจผลิตนมเชิงพาณิชย์ เป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าเกษตรได้อย่างดี ซึ่งในอนาคตสหกรณ์มีแผนที่จะปรับปรุงฟาร์มโคนมให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงการเกษตรเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวเข้าไปเที่ยวชมฟาร์มโคนมของสมาชิก เนื่องจากจังหวัดกาญจนบุรีมีที่นักท่องเที่ยวเดินทางมาเที่ยวจำนวนมากในแต่ละปี และยังมีชายแดนติดกับพม่า ซึ่งในอนาคตคาดว่าจะสามารถเชื่อมธุรกิจและเพิ่มช่องทางการตลาดผลิตภัณฑ์นมไปยังประเทศเพื่อนบ้านได้อีกด้วย
นายเชิดชัย กล่าวต่อว่า ขณะนี้ทางสหกรณ์มีแผนที่จะพัฒนาเป็นศูนย์กลางผลิตอาหารทีเอ็มอาร์ ซึ่งจะเป็นการต่อยอดธุรกิจอาหารสัตว์ ซึ่งจะเน้นการผลิตอาหารที่เหมาะกับโคนม เนื่องจากการเลี้ยงโคจะต้องเปลี่ยนสูตรอาหาร ตามอายุ ดังนั้น สหกรณ์จึงมีแนวคิดที่จะผลิตอาหารโค เพื่อจะส่งกระจายไปตามฟาร์มโคนมในพื้นที่ต่าง ๆ เพราะการที่จะผลิตน้ำนมได้คุณภาพดีต้องเริ่มตั้งแต่การดูแลคุณภาพอาหารของโคนม และค่าอาหารในการเลี้ยงโคนมคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 70% ของต้นทุนทั้งหมดในการเลี้ยงโคนม ซึ่งหากสมาชิกสหกรณ์โคนมสามารถควบคุมเรื่องอาหารในการเลี้ยงโคนมได้ ก็จะช่วยลดต้นทุนลงและส่งผลต่อการผลิตน้ำนมคุณภาพดีอีกด้วย