เกษตรกรผู้เลี้ยงหมูวอนรัฐ...อย่ายอมให้หมูสหรัฐเข้ามาทำร้ายคนไทย

พุธ ๒๐ มิถุนายน ๒๐๑๘ ๐๙:๓๙
หนังสือ "The Art of the deal" เป็นผลงานเขียนของ โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ ว่าด้วยหลักการ "กรรโชก ข่มขู่ คุกคาม จนถึงยึดทรัพย์ลูกหนี้" เพื่อให้เจ้าหนี้หรือผู้ที่เหนือกว่าสามารถบรรลุเป้าหมายที่ต้องการ วันนี้ทรัมป์กำลังใช้หลักการนี้กับประเทศต่างๆ รวมถึงไทย เพื่อให้บรรลุนโยบาย "อเมริกันเฟิร์ส" ที่ตนเองตั้งไว้ โดยเฉพาะเป้าหมายการเปิดนำเข้าเนื้อหมูจากสหรัฐ ด้วยวิธีกรรโชก ข่มขู่ และคุกคาม ผ่านหลากหลายช่องทาง

นับตั้งแต่การกดดันผ่านสำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐ (USTR) โดยสภาผู้ผลิตสุกรแห่งชาติ (NPPC) ของสหรัฐ ยื่นคำร้องถึง USTR ให้ตรวจสอบสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากร (GSP) ของประเทศไทย โดยอ้างว่าไทยไม่เปิดตลาดให้สินค้าสหรัฐอย่างเป็นธรรม นำไปสู่การลงลายมือชื่อของ 44 สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแห่งสหรัฐอเมริกา ในจดหมายร้องเรียนที่ส่งถึง นายวีระชัย พลาศัย เอกอัครราชทูตไทยประจำสหรัฐอเมริกา เพื่อเรียกร้องให้ไทยยกเลิกข้อจำกัดในการนำเข้าสินค้าเกษตรของสหรัฐ แลกกับสิทธิพิเศษ GSP กับสินค้าอื่นๆ ของไทยที่ส่งออกไปยังสหรัฐ จนถึงการไม่ยกเว้นการเก็บภาษีนำเข้าเหล็กและอะลูมิเนียมรายประเทศให้กับไทยตามที่ไทยร้องขอ เพื่อกดดันอีกทาง

กระทั่งล่าสุดสหรัฐเดินเกมส์อีกครั้งผ่าน USTR ที่จะเดินทางเยือนไทยในเดือนกรกฏาคมนี้ เพื่อจี้ไทยให้เปิดนำเข้าหมูสหรัฐ พร้อมข่มขู่จะตัด GSP ของไทยหากไม่มีความคืบหน้าในเรื่องนี้

ความพยายามทั้งหมดนี้ แสดงให้เห็นว่าสหรัฐสามารถทำทุกอย่างได้เพียงเพื่อประโยชน์ของประเทศตน และสมาคมผู้เลี้ยงหมูสหรัฐก็คิดถึงแต่ข้อได้เปรียบของตัวเอง โดยมองข้ามความล่มสลายของอุตสาหกรรมหมูในประเทศเป้าหมาย ขณะที่ตัวเองนั้นเหนือกว่าทุกทาง โดยเฉพาะต้นทุนการเลี้ยงหมูของสหรัฐที่ต่ำเพียง 32 บาทต่อกิโลกรัม เพราะสหรัฐเป็นผู้ผลิตวัตถุดิบอาหารสัตว์รายใหญ่ของโลกทั้งถั่วเหลืองและข้าวสาลี ที่สำคัญการเลี้ยงหมูของสหรัฐนั้นอนุญาตให้ใช้สารเร่งเนื้อแดง-แรคโตพามีน (Ractopamine) ได้อย่างเสรี สารตัวนี้คือ "อาวุธสำคัญ" ที่ทำให้ต้นทุนการเลี้ยงหมูของสหรัฐชนะขาดทุกประเทศ เพราะสารนี้จะทำให้หมูมีน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นโดยที่กินอาหารน้อยลง หมูที่ใช้สารนี้จะโตเร็วขึ้น 4 วัน โดยใช้อาหารน้อยลงเกือบ 20 กิโลกรัม

ขณะที่การเลี้ยงหมูของไทยห้ามไม่ให้มีการใช้สารเร่งเนื้อแดงอย่างเด็ดขาด โดยออกกฎหมายควบคุมมานานกว่า 16 ปี ตามประกาศของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พ.ศ.2545 และประกาศกระทรวงสาธารณสุข พ.ศ.2546 ล่าสุดกรมปศุสัตว์ตั้งคณะกรรมการบริหารจัดการแก้ไขปัญหาการใช้สารเร่งเนื้อแดงในการเลี้ยงสัตว์ เพื่อปราบปรามการลักลอบใช้สารอันตรายให้หมดไปจากประเทศไทย

ที่สำคัญสหรัฐคงหลงลืมไปแล้วว่าไทยช่วยเศรษฐกิจประเทศเขาอยู่มากโข โดยในปี 2560 ที่ผ่านมาไทยนำเข้าสินค้าจากสหรัฐมีมูลค่ามากถึง 473,917 ล้านบาท ขยายตัวจากปีก่อนหน้าถึง 10.89% ในจำนวนนี้คือการนำเข้ากากถั่วเหลืองและข้าวสาลีมาใช้เป็นวัตถุดิบผลิตอาหารสัตว์และกลายมาเป็นต้นทุนในการเลี้ยงสัตว์

เมื่อต้นทุนการผลิตกว่า 70% มาจากอาหารสัตว์ และการเลี้ยงหมูของไทยไม่ใช้สารเร่งเนื้อแดงเป็นทางลัดเหมือนสหรัฐ จึงไม่น่าแปลกใจที่การผลิตหมูของไทยจะมีต้นทุนพุ่งไปถึง 64 บาทต่อกิโลกรัม ตามตัวเลของสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) ซึ่งเป็นต้นทุนที่สูงกว่าสหรัฐ ถึงกว่า 1 เท่าตัว

เมื่อดูในประเด็นที่ไทยนำเข้าวัตถุดิบอาหารสัตว์จากสหรัฐมาใช้ จะเห็นได้ชัดเจนว่าที่ผ่านมาสหรัฐได้ประโยชน์จากไทยมาตลอด จากการที่ไทยเป็นลูกค้าของสหรัฐมากว่ากึ่งศตวรรษ แต่สหรัฐกลับคิดเอาแต่ได้ฝ่ายเดียว ด้วยอยากผลักดันเศษชิ้นส่วนที่เป็นขยะเหลือที่คนอเมริกันไม่กิน ทั้งหัว ขา เครื่องในหมู มาทิ้งในบ้านเราหวังโกยเงินเข้าประเทศ

นายปรีชา กิจถาวร นายกสมาคมการค้าผู้เลี้ยงสุกรภาคใต้ ย้ำเรื่องนี้ว่าเกษตรกรเลี้ยงหมูไม่มีทางยอมให้หมูสหรัฐมาย่ำยีอย่างเด็ดขาด เพราะหากหมูมะกันเข้ามาดั๊มพ์ตลาดไทยได้ก็เท่ากับ "หายนะ" ที่จะเกิดขึ้นไม่เฉพาะกับคนเลี้ยงหมูเท่านั้น แต่ที่น่าเป็นห่วงมากที่สุดคือ "คนไทยทั้งประเทศ" ที่ต้องเสี่ยงกับอันตรายจากสารเร่งเนื้อแดงที่แฝงมาด้วย หากมีเนื้อหมูส่งเข้ามาจริงแล้วถูกนำมาขายปะปนกับหมูไทยในตลาดสดทั่วไป ซึ่งผู้บริโภคไม่มีทางรู้ได้เลยว่าเนื้อหมูชื้นส่วนไหนที่เป็นของสหรัฐ ส่วนไหนเป็นหมูไทย นั่นเท่ากับความเสี่ยงแบบ 100% ที่คนไทยไม่มีสิทธิ์หลีกเลี่ยง

"เกษตรกรผู้ผลิตไทยอยากให้สหรัฐเห็นใจกันบ้าง เมื่อเกษตรกรไทยช่วยเศรษฐกิจสหรัฐแล้ว สหรัฐเองก็ไม่ควรรังแกเกษตรกรไทยด้วยการบีบบังคับให้ต้องนำเข้าเนื้อหมูสหรัฐมาดั๊มพ์ตลาดทำลายหมูไทยอีก โดยที่ศักยภาพในการแข่งขันนั้นมัน "คนละชั้น" ด้วยต้นทุนที่ถูกกว่าไทยถึงครึ่งหนึ่งเช่นนี้ ขอให้รัฐบาลไทยโดยเฉพาะผู้เกี่ยวข้องโดยตรงอย่าง กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ รับฟังความทุกข์ร้อนของเกษตรกรและคำนึงถึงชีวิตคนไทยเป็นอันดับแรก อย่ายอมให้หมูสหรัฐเข้ามาทำร้ายคนไทยได้" ปรีชา กล่าว

ยิ่งไปกว่านั้นต้องไม่ลืมว่าเกษตรกรไทยเมื่อเทียบกับเกษตรกรสหรัฐแล้ว เรายังเป็นรองเขาอยู่มาก โดยเฉพาะในแง่ของสถานะทางเศรษฐกิจ พูดง่ายๆคือ "เกษตรกรเรายังยากจนกว่าเขามาก" วันนี้ที่รัฐบาลไทยพยายามช่วยเหลือให้ประชาชนไทยก้าวผ่านคำว่า "ยากจน" แต่ขนาดเกษตรกรที่เป็นผู้ขับเคลื่อนเศรษฐกิจชาติ รัฐบาลยังไม่คิดจะช่วยเหลือ แถมยังมีท่าทีว่าจะ "อ่อนข้อ" ให้เขาเสียอีก อย่างนี้แล้วจะช่วยเหลือประชาชนทั่วประเทศได้อย่างไร

คำร้องขอสุดท้ายที่ผู้เลี้ยงหมูฝากไว้คือ "ขอให้รัฐบาลทบทวนให้ดี" ว่าจะยอมให้หมูสหรัฐเข้ามาทำลายหมูไทยและสุขภาพคนไทยจริงหรือ? รัฐบาลจะทนมองเห็นความล่มสลายของอุตสาหกรรมหมูและซัพพลายที่เกี่ยวข้องทั้งระบบที่ช่วยสร้างเศรษฐกิจชาติปีละกว่า 373,000 ล้านบาทได้หรือ? และจะทนเห็นเกษตรกรผู้เลี้ยงหมูรายย่อย รายกลาง และรายใหญ่ ทั้ง 195,000 ราย ต้องล้มหายตายจาก และทนเห็นผลกระทบที่เป็นลูกโซ่ไปถึงเกษตรกรผู้ปลูกพืชทั้งส่วนของรำข้าวและข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ภาคอาหารสัตว์ และเวชภัณฑ์สัตว์ไทย รวมกันกว่า 2 แสนราย ต้องเจ๊งไปตามๆกันจริงหรือ? หรือต้องรอให้เห็นม็อบคนเลี้ยงหมูกว่าพันคนขนหัวหมูไปประท้วงหน้าทำเนียบรัฐบาลเหมือนเมื่อปี 2556 อีกครั้ง รัฐบาลถึงจะหันมามองเห็นปัญหาว่าลุกลามใหญ่โตจนเกินแก้แล้ว

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๒๒ พ.ย. รีเลชั่นชิพรีพับบลิค แนะกลยุทธ์สำคัญ นำพาธุรกิจร้านอาหารสู่ความสำเร็จ มัดใจลูกค้าให้อยู่หมัด
๒๒ พ.ย. ชมนวัตกรรมสุดล้ำในงาน METALEX 2024 หลายแบรนด์แกะกล่องเครื่องจักรครั้งแรกในงานนี้
๒๒ พ.ย. Bangkok Illustration Fair 2024 สู่การเติบโตก้าวใหญ่ในปีที่ 4
๒๒ พ.ย. ผลการจัดอันดับขีดความสามารถในการแข่งขันด้านดิจิทัลโดย IMD ประจำปี 2567 TMA เผยไทยครองอันดับ 37 ในการจัดอันดับด้านดิจิทัลปีนี้
๒๒ พ.ย. โก โฮลเซลล์ จัดเต็มสินค้า ส่งสุข สุดอร่อย เฉลิมฉลองเทศกาลส่งท้ายปี เข้มกระเช้าปีใหม่ดีมีมาตรฐาน พร้อมชู อาหารแช่แข็ง-อาหารสด
๒๒ พ.ย. กทม. จับมือสถานทูตเนเธอร์แลนด์ ประจำประเทศไทย จัดประชุมเชิงปฏิบัติการ ACTIVE Workshop เมืองเดินเท้า และจักรยานสัญจร ครั้งที่
๒๒ พ.ย. สัมผัสความหรูหราของวิลล่าริมทะเล VEYLA NATAI RESIDENCES ผ่านประสบการณ์เหนือระดับในงาน SOUL of VEYLA
๒๒ พ.ย. 'แอสเซทไวส์' จับมือ 'สยามกีฬา' เปิดศึกลูกหนังยุวชนทัวร์นาเมนต์ใหญ่แห่งปี AssetWise Siamkeela Cup 2024-25 ต่อเนื่องเป็นปีที่
๒๒ พ.ย. โรงแรมเรเนซองส์ เปิดตัว R FINDS แพลตฟอร์มดิจิทัลระดับโลก ที่จะเชื่อมมนต์เสน่ห์ชุมชนท้องถิ่นสู่นักเดินทางทั่วโลก
๒๒ พ.ย. electric.neon.lamp หยิบเพลงฮิต แม้ ใส่ฟีลดนตรีเหงาปนเศร้าในแบบ Piano Version