นายปกรณ์ บริมาสพร ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไลท์ติ้ง แอนด์ อีควิปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ L&E ผู้นำในธุรกิจผลิตและจัดจำหน่ายโคมไฟฟ้าและอุปกรณ์แสงสว่างรายใหญ่ของประเทศไทยและภูมิภาคอาเซียน เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้ลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) โครงการความร่วมมือด้านงานวิจัยและพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กับ สำนักวิจัยและบริการวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สวท.) มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี เพื่อทำการวิจัย พัฒนา และสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ ๆ ด้านผลิตภัณฑ์ไฟฟ้าแสงสว่าง โดยในขั้นต้นจะร่วมกันใช้ห้องปฏิบัติการทดสอบของศูนย์นวัตกรรมผลิตภัณฑ์ไฟฟ้าแสงสว่าง (Lighting Innovation Center) ของบริษัทฯ ซึ่งได้รับการรับรองระบบมาตรฐาน ISO 17025 ให้ได้ประโยชน์สูงสุด รวมถึงการร่วมมือกันพัฒนาห้องปฏิบัติการทดสอบให้ทันสมัยและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นเพื่อรองรับกับเทคโนโลยีผลิตภัณฑ์ไฟฟ้าแสงสว่างในปัจจุบันที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วความร่วมมือดังกล่าวยังสามารถช่วยให้ผู้ประกอบการธุรกิจมีความเข้มแข็งยิ่งขึ้น
โดยบทบาทของสำนักวิจัยและบริการวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สวท.) มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี หน่วยงานภาครัฐที่มีความเชี่ยวชาญและความสามารถในด้านการทดสอบ วิเคราะห์ สอบเทียบ และให้บริการงานวิชาการทั้งกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชน และเป็นสถาบันการศึกษาด้านวิศวกรรมและ เทคโนโลยีชั้นนำของประเทศ เพราะมีอาจารย์ บุคลากรด้านการวิจัยและพัฒนาที่มีความรู้ ความสามารถจำนวนมาก จะให้คำแนะนำและคำปรึกษาอันเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาผลิตภัณฑ์ไฟฟ้าแสงสว่างของบริษัทฯ ประกอบกับบริษัท ไลท์ติ้ง แอนด์ อีควิปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ L&E ซึ่งเป็นผู้นำและผู้ประกอบการรายใหญ่ด้านผลิตภัณฑ์ไฟฟ้าแสงสว่างของภูมิภาคอาเซียน และมีวิศวกรที่มีประสบการณ์ ความเชี่ยวชาญในด้านการผลิตและการพัฒนาผลิตภัณฑ์ไฟฟ้าแสงสว่าง สามารถนำเอาองค์ความรู้จากการร่วมมือในครั้งนี้มาประยุกต์ใช้ในการสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ ๆ ตลอดจนปรับปรุงกระบวนการผลิตให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น และส่งผลให้บริษัทฯ สามารถแข่งขันในตลาดโลกได้
ในส่วนของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยี พระจอมเกล้าธนบุรี นั้น คณะอาจารย์ นักวิชาการที่ร่วม โครงการนี้ จะสามารถเรียนรู้จากประสบการณ์ตรงของภาคธุรกิจ เพื่อนำไปใช้พัฒนาหลักสูตรที่สอดคล้องกับความต้องการของตลาด และสอดรับกับการพัฒนาอุตสาหกรรม 4.0 ของประเทศต่อไป
"ภาพรวมตลาดผลิตภัณฑ์ไฟฟ้าแสงสว่างในปี 2561 นั้น ในประเทศไทย มีมูลค่าเกือบ 2 หมื่นล้านบาท และ ภูมิภาคอาเซียน มีมูลค่าเกือบ 1 แสนล้านบาท คาดว่าจะมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง ปีละประมาณ 5-10% ในอีก 5 ปีข้างหน้า โดยมีผลิตภัณฑ์ประเภทแอลอีดีเป็นปัจจัยหลักต่อการเติบโตของตลาด ในปัจจุบัน L&E เป็นผู้นำตลาดในประเทศไทย และมีกำลังการผลิตเหลืออยู่จำนวนมาก จึงมีเป้าหมายที่จะขยายตลาดสู่ภูมิภาคอาเซียน ซึ่งเป็นตลาดขนาดใหญ่และมีช่องว่างที่จะขยายรายได้ต่อไป เนื่องด้วยความก้าวหน้าอย่างรวดเร็วของเทคโนโลยี และการขับเคลื่อนของหน่วยงานทั้งภาครัฐบาลและเอกชนที่ต้องการพัฒนานวัตกรรมด้านผลิตภัณฑ์ไฟฟ้าแสงสว่าง สอดรับกับนโยบายของรัฐบาล ดังนั้น ในฐานะที่ L&E เป็นผู้นำผลิตภัณฑ์ไฟฟ้าแสงสว่างในภาคเอกชน จึงมั่นใจว่า ความร่วมมือกับ มจธ. ครั้งนี้ จะก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดอีกมากมายในอนาคต" นายปกรณ์ กล่าว