ดร.ปกรณ์ อาภาพันธุ์ ประธานกรรมการ บริษัท ซิงเกิ้ล พอยท์ พาร์ท (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ SPPT เปิดเผยว่า ตามที่คณะกรรมการบริษัทฯมีมติอนุมัติให้บริษัท เอสพีพี อินเทลลิเจนซ์ จำกัด (ซึ่งบริษัทฯ ถือหุ้นร้อยละ 99.99) เข้าซื้อกิจการบริษัท ไซแมท ซอฟท์ จำกัด (SSOFT) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ บริษัท ไซแมท เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ SIMAT จำนวน 300,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 10 บาท หรือคิดเป็น 100% ของทุนจดทะเบียนและชำระแล้วของ บริษัท ไซแมท ซอฟท์ จำกัด รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 20 ล้านบาท ขณะนี้ดำเนินการตรวจสอบเรียบร้อยแล้ว
สำหรับ บริษัท ไซแมท ซอฟท์ จำกัด ประกอบธุรกิจ ให้บริการเทคโนโลยีสารสนเทศแบบครบวงจรทั้งการ จำหน่ายอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ การพัฒนาซอฟท์แวร์ และการให้บริการบำรุงรักษาทั่วประเทศ โดยพัฒนาซอฟท์แวร์ ที่เกี่ยวข้องกับโลจิสติกส์ และบริหารการจัดส่งสินค้า (Logistic Management) ภายใต้ชื่อ Sky Frogโดยปัจจุบัน เป็นผู้นำในตลาดและมีความเชี่ยวชาญในการ Implement ระบบให้กับลูกค้า มี Product หลัก คือ SKYFROG Transportation Management System (TMS) with Electronic Proof-of-Delivery (EPOD) & GPS Tracking Solution on Mobile ซึ่งมีลูกค้าให้ความไว้วางใจมากกว่า 50 บริษัท อาทิ Officemate (ในเครือ Central), ICC International (ในเครือสหพัฒน์) รวมถึงธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็กอีกหลายบริษัท
" สาเหตุที่ทำให้ SPPT ตัดสินใจการเข้าซื้อหุ้น SSOFT ก็เพื่อเป็นการสร้างรายได้เพิ่มเติม และนำมาต่อยอดทางธุรกิจของบริษัทฯเนื่องจาก SSOFT เป็นผู้นำและผู้เชี่ยวชาญด้านพัฒนาซอฟท์แวร์ที่เกี่ยวข้องกับระบบโลจิสติกส์และบริหารการจัดส่งสินค้า เป็นไปตามแผนธุรกิจของบริษัทฯ ที่ต้องการขยายฐานรายได้ให้มีความแข็งแกร่ง โดยบริษัทฯ มีเป้าหมายขยายไลน์ธุรกิจเข้าสู่การเป็นผู้พัฒนาซอฟต์แวร์ แพลทฟอร์ม ด้านโลจิสติกส์ และด้านฟินเทค ให้บริการด้านการเงินอย่างครบวงจรในอนาคต
ช่วงที่เหลือของปีนี้ มีความเป็นไปได้สูงที่บริษัทฯจะประสบความสำคัญเข้าซื้อธุรกิจด้านไอทีอีก 1 ดีล ซึ่งการเจรจาตอนนี้มีความคืบหน้าเป็นอย่างมาก ทั้งนี้ การเข้าซื้อหุ้นสามัญของ บริษัท ไซแมท ซอฟท์ จำกัด ดังกล่าว มั่นใจว่าสามารถทำให้ SPPT รับรู้ผลตอบแทนที่ดีจากการลงทุนและนำไปสู่การมีรายได้ที่มั่นคงในอนาคต " ดร.ปกรณ์กล่าว
ทั้งนี้ จากการศึกษาแผนธุรกิจของบริษัท ไซแมท ซอฟท์ จำกัด SSOFT มีรายได้จากการขายซอฟท์แวร์ขนส่งเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากการประมาณการรายได้และค่าใช้จ่าย SSOFT จะมีกระแสเงินสดและกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นตั้งแต่ปี 2561 เป็นต้นไป ซึ่งจะส่งผลดีให้แก่บริษัทและผู้ถือหุ้น
ที่ผ่านมา SPPT ได้เข้าซื้อหุ้น บริษัท เทอร์ราไบท์ เน็ท โซลูชั่น จำกัด (มหาชน) (TERA) เพื่อขยายไลน์ธุรกิจจากการผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ มาสู่ธุรกิจวางระบบและให้บริการด้านไอที ซึ่งจะเริ่มสร้างรายได้ให้กับบริษัทฯในปี 2561 นี้ ขณะที่แนวโน้มก็มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบัน TERA มีรายได้เฉลี่ยปีละประมาณ 400 ล้านบาท มีอัตราการเติบโตไม่ต่ำกว่า 10% ต่อปี มีคู่ค้าภาคเอกชนชั้นนำทั้งในและต่างประเทศ ในหลายอุตสาหกรรม ซึ่งได้รับความไว้วางใจให้บริษัทฯเป็นผู้วางระบบ
นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้มีการยังดำเนินขยายการลงทุนอย่างต่อเนื่อง โดยได้จัดตั้งบริษัทย่อย 2 บริษัท คือ 1. บริษัท เอสพีพี อินเทลลิเจนซ์ ดำเนินธุรกิจพัฒนาซอฟต์แวร์เพื่อให้บริการแพลทฟอร์มด้านโลจิสติกส์ รวมทั้งเป็นตัวกลางในการบริหารจัดการระบบโลจิสติกส์ขนาดใหญ่ ให้กับผู้ประกอบการด้านขนส่ง และ 2.บริษัท เอสพีพี ฟินเทค จำกัด ดำเนินธุรกิจพัฒนาซอฟต์แวร์เพื่อให้บริการ แพลทฟอร์ม ด้าน FinTech สำหรับให้บริการทางการเงินครบวงจร รองรับความต้องการของผู้บริโภคในยุคดิจิตอลที่มีจำนวนมากกว่า 50-60 ล้านคน ซึ่งตลาดนี้มีกำลังซื้อเป็นจำนวนมาก
" มั่นใจว่า ภาพรวมธุรกิจในปีนี้จะเป็นปีที่บริษัทฯ กลับมาเป็นบวก โดยสามารถมีรายได้ 500 ล้านบาทตามเป้าหมาย จากการรับรู้รายได้ เข้ามาเต็มปีของบริษัท เทอร์ราไบท์ เน็ท โซลูชั่น จำกัด (มหาชน) (TERA) " ดร.ปกรณ์กล่าว