คุณหมอโอ๋กล่าวว่า เด็กยุค GenZ คือคนที่เกิดหลังจากปี พ.ศ. 2538 เป็นต้นมา เด็กยุคนี้จะเป็นเด็กที่มีคาแรคเตอร์เป็นของตนเอง โตมาในสภาพแวดล้อมที่แตกต่างไปจากยุคคุณพ่อคุณแม่ เด็ก GenZ จะมีความคิดสร้างสรรค์สูง ฉลาด โลกของเขาไม่ใช่การถูกสอนจากผู้ใหญ่ ความรู้ของพวกเขาหาง่ายผ่านสื่ออินเทอร์เน็ต โซเชียล และเทคโนโลยีต่างๆ สังเกตว่าเด็กยุคนี้จะตั้งคำถาม รู้จักโต้แย้งคุณพ่อคุณแม่ ซึ่งถือเป็นการพัฒนาในทางที่ดี ขณะเดียวกันพวกเขาโตมากับความสะดวกสบาย ไม่เคยต้องอดทนและรอคอยกับอะไร อะไรที่ต้องใช้เวลาเด็กยุค GenZ จะทนไม่ได้
"ดังนั้นเมื่อยุคสมัยเปลี่ยนไป พ่อแม่ต้องเข้าใจการเปลี่ยนแปลง วิธีการเลี้ยงลูกก็ต้องปรับเปลี่ยนให้เป็น "การเลี้ยงดูเชิงบวก" เมื่อก่อนการเลี้ยงดูในบ้านเรา ส่วนใหญ่จะใช้อำนาจใช้ความรุนแรงเข้าไปจัดการปัญหาของเด็ก เด็กจะมีความรู้สึกกลัวคุณพ่อคุณแม่ ความสัมพันธ์ในครอบครัวจึงถูกทำลาย วิธีการเลี้ยงลูกเชิงบวกจึงเป็นหน้าที่ของคุณพ่อคุณแม่ที่ต้องมีส่วนช่วยส่งเสริมในจุดบวกของเขา ฝึกชวนคิดให้เยอะ คุณพ่อคุณแม่ควรใช้วิธีการตั้งคำถามมากกว่าการทำโทษ เช่น ถ้าลูกทำน้ำหก ไม่ใช่ตีเขา เราควรถามลูกว่า ทำอย่างไรดีล่ะลูก? ให้เขาคิดเองว่าน้ำหกก็ควรเอาผ้ามาเช็ด ข้อคิดดีดีที่คุณหมอแนะนำอีกหนึ่งอย่างคือ อย่าเลี้ยงลูกด้วยการปกป้อง ต้องให้ลูกเรียนรู้ด้วยตัวเอง ให้เขายอมรับผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้น"
นอกจากนี้ คุณหมอโอ๋ยังได้แบ่งปันเทคนิคการเลี้ยงลูกด้วยแนวคิด 5L เพื่อให้คุณพ่อคุณแม่ได้เรียนรู้และเข้าใจการเลี้ยงดูลูกหลานให้เหมาะสมกับครอบครัว โดย
L ตัวแรกคือ Love ความรักความเข้าใจ การใสใจ การมีเวลาคุณภาพกับลูกคือ การมีปฏิสัมพันธ์เชิงบวกกับลูก เล่นกับเขา ให้เขารู้สึกว่าเขามีตัวตน ให้เขามีความหมาย เป็นที่รักของพ่อแม่ มีสายสัมพันธ์ที่ดีในครอบครัว
L ตัวที่สอง Learn การเรียนรู้ เด็กจะมีพัฒนาการที่ดีในช่วง 6-7 ปีแรกของชีวิต มีต้นทุนการเรียนรู้ที่ดี มีเซลประสาทที่ดี การเรียนรู้ผ่านการเล่นจะทำให้พวกเขาเป็นเด็ก 4C ได้แก่ 1) Critical thinking รู้จักการคิดเชิงวิเคราะห์ คิดเป็น 2) Creative มีความคิดสร้างสรรค์ 3) Co-operations เรียนรู้การอยู่ร่วมกับผู้อื่น การทำงานเป็นทีม 4) Communications การสื่อสารหรือการมีปฏิสัมพันธ์ที่ดี
L ตัวที่สาม Limit การฝึกวินัยเชิงบวก การเรียนรู้ด้วยเหตุผล ต้องรู้จักบอกลูกว่าอะไรได้อะไรไม่ได้ การทำให้ลูกอยู่ในกฎกติกาที่ตกลงร่วมกัน
L ตัวที่สี่ Let them grow การให้อิสรภาพฝึกให้ลูกเติบโตปล่อยให้เขาโตขึ้นในวิถีที่เขาเป็นตัวเองบางครั้งก็ต้องปล่อยให้ลูกเรียนรู้จากความผิดของตัวเอง
L ตัวสุดท้ายตัวที่ห้า Let it be การปล่อยวางอย่างเข้าใจ พ่อแม่ต้องบอกตัวเองไว้เสมอ ลูกไม่ใช่ของเรา ชีวิตเป็นของเขา พ่อแม่มีหน้าที่แค่คอยช่วยเหลือให้เขาเติบโตไม่ใช่ควบคุม
ท้ายที่สุดคุณหมอโอ๋ให้ข้อคิดว่า การเลี้ยงลูกยุคนี้คุณพ่อคุณแม่ควรสร้างความสัมพันธ์กับลูกเหมือนเพื่อน แต่ไม่ใช่เพื่อน ต้องสร้างให้ลูกศรัทธาและการเคารพในตัวพ่อแม่ แล้วลูกของคุณจะ "คุยด้วย-เข้าหา-ปรึกษา-หัวเราะ" การเลี้ยงลูกเป็นทั้งศาสตร์และศิลป์ และไม่มีวิธีการที่ตายตัว แนวคิดที่นำมาแบ่งปันนี้ ผลดีที่สุดควรเป็นการนำไป "ปรับใช้" ตาม "ธรรมชาตินิสัย" ของลูกและของพ่อแม่แต่ละครอบครัว และคุณเองก็จะเป็นพ่อและแม่ที่เลี้ยงลูกแบบ "มีความสุข"