นายธีรเดช เกิดสำอางค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจทาวน์เฮาส์ บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า "ภาพรวมตลาดทาวน์เฮาส์ในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑลในปี 2561 คาดว่ามีมูลค่าตลาดประมาณ 88,705 ล้านบาท เติบโตจากปีที่ผ่านมาประมาณ 14% โดยกลุ่มธุรกิจทาวน์เฮาส์ ยังถือเป็นพอร์ตหลักของพฤกษา และเพื่อตอกย้ำความสำเร็จที่สามารถครองส่วนแบ่งการตลาดทาวน์เฮาส์เป็นอันดับหนึ่งมามากกว่า 10 ปี และส่งมอบบ้านคุณภาพให้ลูกค้าไปแล้วกว่า 130,000 ยูนิต พฤกษาจึงตั้งเป้ารักษาความเป็นเจ้าตลาด โดยมีแผนเจาะกลุ่มไปยังทาวน์เฮาส์ในระดับราคา 5-7 ล้านมากขึ้น โดยยังคงรุกตลาดระดับกลาง ราคา 1.5-2 และ 2-3 ล้านบาท ซึ่งพฤกษาเป็นผู้นำตลาดในระดับราคานี้อยู่แล้ว และจะพัฒนาตลาดในระดับราคาต่ำกว่า 1.5 ล้านบาทเพิ่มขึ้น เพื่อให้ครอบคลุมทุกเซ็กเมนต์ นอกจากนี้ยังมีแผนรุกตลาดต่างจังหวัดทั่วประเทศ โดยเฉพาะในเขต EEC ที่เป็นหัวเมืองท่องเที่ยวและนิคมอุตสาหกรรม ซึ่งมีมูลค่าตลาดใหญ่สูงเกือบ60,000 ล้านบาท"
"นอกจากกลยุทธ์ด้านการขยายตลาดแล้ว อีกหนึ่งกลยุทธ์ที่วางไว้ เพื่อทำให้พฤกษาคงความเป็นอันดับหนึ่งในตลาดทาวน์เฮาส์ ก็คือการ "ใส่ใจ" พัฒนาคุณภาพสินค้า และบริการอย่างต่อเนื่อง โดยพฤกษามีจุดแข็งในด้านนวัตกรรมการก่อสร้าง เป็นอสังหาฯ รายแรกของประเทศไทยที่นำเทคโนโลยีพรีคาสท์ (Precast) จากเยอรมันมาใช้อย่างจริงจัง มีโรงงานผลิตแผ่นพรีคาสท์ที่มีมาตรฐานระดับโลก พฤกษายังได้ร่วมกับพันธมิตรเพื่อนำนวัตกรรม และอินโนเวชั่นมาใช้ในกลุ่มทาวน์เฮาส์อย่างต่อเนื่อง อาทิ นวัตกรรมบ้านหายใจได้ หรือ ออกแบบระบบไหลเวียนอากาศภายในบ้าน โดยใช้แนวคิดการดึงอากาศบริสุทธิ์จากภายนอกเข้าสู่ตัวบ้าน ทำให้อากาศภายในบ้านถ่ายเทได้ดีขึ้น ส่งผลให้ความร้อนในตัวบ้านลดลง โดยล่าสุดได้จดสิทธิบัตรแล้ว หรือการนำระบบ Home Automation ที่สามารถควบคุมและสั่งการเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านผ่าน Smart Phone ตลอดจนการใช้เสาเข็มมาตรฐาน มอก. พร้อมเสริมความแข็งแรงของพื้นที่หลังบ้านด้วยเสาเข็มขนาดยาวลึกเท่าตัวบ้าน เพื่อรองรับการใช้งานเป็นพื้นที่อเนกประสงค์ของลูกค้า เป็นต้น
นอกจากนี้ยังได้ศึกษาเทรนด์โลก นำเครื่องมือและเทคโนโลยีใหม่ๆ มาใช้พัฒนาสินค้าและบริการอยู่เสมอ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าทั้งในวันนี้และในอนาคต ทั้งการนำฐานข้อมูลลูกค้าของพฤกษาซึ่งมีอยู่กว่า 1 ล้านคน มาวิเคราะห์ประมวลผลเชิงลึก หรือที่เรียกว่า BIG DATA เพื่อนำมาพัฒนาสินค้าและบริการให้ตรงความต้องการของลูกค้าได้มากที่สุด หรือเทรนด์เรื่องสังคมสูงวัย จึงพัฒนา HEALTH CARE PROJECT การออกแบบที่พักอาศัยให้เหมาะสมกับผู้สูงอายุและผู้ใส่ใจด้านสุขภาพ และเล็งเห็นไลฟ์สไตล์ต่างๆ ในโลกที่เปลี่ยนแปลงไป จึงพัฒนาสินค้าให้ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า ทั้ง Co-Working Space พื้นที่ส่วนกลางอเนกประสงค์, Solar Cell (Outdoor Light & Door Bell) ไฟทางเดินทั่วโครงการและกริ่งบ้านที่ใช้พลังงานจากโซลาร์เซลล์, Smart Delivery Box ตู้รับพัสดุกลางของโครงการ และ Smart Entry Gate การเปิดไม้กั้นประตูเข้า-ออก โครงการด้วยการสแกน QR Code จากมือถือ โดยฟังก์ชั่นทั้งหมดนี้ได้มีการทดลองใช้ในโครงการทาวน์เฮาส์บางส่วนแล้ว และด้วยแผนกลยุทธ์ดังกล่าวคาดว่าจะช่วยให้พฤกษา สามารถบรรลุเป้าหมายยอดขาย รายได้ และรักษาความเป็นเบอร์หนึ่งในตลาดทาวน์เฮาส์ต่อไป"