จักษุแพทย์แห่งท็อปเจริญ แนะน้องทั้ง 13 คนและทีมช่วยเหลือดูแลดวงตาอย่างใกล้ชิด หลังติดอยู่ในถ้ำมืดเป็นเวลานาน

อังคาร ๐๓ กรกฎาคม ๒๐๑๘ ๑๕:๓๑
ดังที่ได้ทราบข่าวการพบตัวน้องๆ และโค้ชทีมฟุตบอลหมูป่าทั้ง 13 คน ที่ติดอยู่ในถ้ำหลวง ขุนน้ำนางนอน จ. เชียงราย แล้วเป็นเวลานานกว่า 9 วัน นอกจากร่างกายที่มีความอิดโรยอ่อนเพลียแล้ว ดวงตาถือเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในขณะนี้ เนื่องจากดวงตาอยู่ในที่มืดหรือมีแสงน้อยเป็นเวลานาน ในวันนี้ นายแพทย์นพวุฒิ ตรีพรชัยศักดิ์ จักษุแพทย์แห่งศูนย์รักษาตาท็อปเจริญ จึงขอแนะนำการเตรียมความพร้อมในการปรับสายตาต่อการเจอแสงจ้าและการวิเคราะห์ปัญหาที่อาจเกิดขึ้นต่อดวงตาได้ดังนี้

1) ทำความเข้าใจกับระบบป้องกันแสงของดวงตาเรา เช่น รูม่านตา ที่อาจตอบสนองต่อแสงได้ไม่ดีเมื่ออยู่ในที่มืดเป็นเวลานาน เวลาโดนแสงจะทำให้รูม่านตาหดเล็กลงไม่ดีเท่าที่ควร ผลกระทบคือปริมาณแสงจะเข้าสู่ดวงตาเรามากเกินไปโดยเฉพาะแสงแดด UV ซึ่งอาจทำให้เกิดผลเสียต่อจอตาส่วนการรับภาพโดยตรงหรือเลนส์ตาได้ เราจึงไม่ควรลืมตาอย่างรวดเร็ว และหาอุปกรณ์ปกป้องดวงตามาสวมใส่ เช่น แว่น หมวก หรือผ้าคลุม

2) อาจพบอาการล้า ปวดกระบอกตาและตาพร่ามัวได้ เนื่องจากกล้ามเนื้อตาเพ่งจะหยุดทำงานชั่วขณะเมื่ออยู่ในที่มืด การกลับมาทำงานใหม่ของดวงตา อาจพบการล้าหรือเกร็งตัวได้ง่าย กรณีนี้จึงต้องให้เวลาในการดูแลและการปรับตัวของสายตา โดยสามารถสังเกตอาการของดวงตาร่วมด้วย

3) เซลล์รับแสงจอตา (cone photorecepter cell) อาจพบความผิดปกติชั่วขณะได้ เนื่องจากการอยู่ในที่มืดนาน เพราะจอตาจะใช้เซลล์รูปแท่ง (rod photoreceter cell) อย่างเดียวในที่มืด และหากร่างกายขาดสารอาหารร่วมด้วยขณะติดอยู่ในที่มืดเป็นเวลานาน ก็จะทำให้การสร้างเซลล์รับแสงจอตามีผลกระทบมากขึ้น

ดังนั้นบุคคลที่อยู่ในที่มืดนานๆ ทั้งตัวน้องๆ และโค้ชทั้ง 13 คน รวมทั้งทีมช่วยเหลือทั้งหมดที่เข้าไปอยู่ในถ้ำเป็นเวลานาน ก็ควรได้รับการปรับดวงตาเรื่องแสง โดยการสวมแว่นที่ทึบแสง ป้องกันและกรองแสงที่เป็นอันตรายต่อดวงตาได้รอบด้าน รวมถึงยังป้องกันสิ่งสกปรกต่างๆ ที่อาจปนเปื้อนมาในน้ำ ดินโคลน หรือเชื้อโรคต่างๆ ที่เราไม่สามารถมองเห็นได้ โดยหากมีอาการแสบเคืองตา ปวดตา ควรรีบทำการปฐมพยาบาลเบื้องต้น ไม่ควรขยี้ตา เพราะอาจทำให้ผิวตาลอกหรือถลอกได้ ควรหลับตาไว้ก่อนซักครู่ ล้างด้วยน้ำสะอาดหรือน้ำเกลือล้างแผล หากอาการแสบเคืองตาไม่ดีขึ้น ควรรีบปรึกษาจักษุแพทย์ทันที

นอกจากนี้เมื่อน้องๆ และทีมช่วยเหลือกลับสู่สภาวะปกติ ก็ควรให้การดูแลเอาใจใส่ดวงตาเป็นพิเศษ หลีกเลี่ยงการเผชิญกับแสงอาทิตย์หรือแสงไฟจ้าโดยตรง รับประทานอาหารเพื่อเพิ่มคุณค่าทางสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย ดื่มน้ำมากๆ และควรพักผ่อนให้เพียงพอ

ทั้งนี้ "แว่นท็อปเจริญ" ยังได้มีการนำส่งแว่นตานิรภัยกันแสงได้รอบด้าน ที่เตรียมไว้ให้น้องๆ ที่ติดถ้ำทั้ง 13 คน และทีมช่วยเหลือไปที่โรงพยาบาลสนาม ณ #ถ้ำหลวง ขุนน้ำนางนอน จ.เชียงราย เป็นที่เรียบร้อย "เพราะสายตาที่ดี คือส่วนสำคัญของการดำเนินชีวิต" เราจึงปรารถนาให้ทุกคนมีสุขภาพดวงตาที่ดีเช่นกัน สามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ Facebook.com/TopCharoenOpticalOfficial เว็บไซต์ www.topcharoen.co.th หรือไลน์ @top_charoen หรือโทร. 02–612–4170

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๗:๒๑ 60 ปีแห่งความมุ่งมั่น! คาโอ คว้ารางวัลอุตสาหกรรมดีเด่น 2 ประเภทในปี 2567 ชูความสำเร็จด้านสิ่งแวดล้อมและความรับผิดชอบต่อสังคม
๑๗:๒๓ AVATR ก้าวสู่ความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่! ระดมทุนในรอบ Series C ได้มากกว่า 11,000 ล้านหยวน พร้อมก้าวสู่ความเป็นผู้นำในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าหรูหราแห่งอนาคต
๑๗:๐๖ Zoom เปิด 10 เทรนด์ ใช้ AI ในการทำงานปี 2568
๑๗:๑๐ เปิดมุมมองอาชีพที่หลากหลายในอุตสาหกรรมกาแฟไทย เจาะลึกบทบาทและแนวทางยกระดับสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน
๑๗:๑๔ อนาคตแห่งการเดินทาง: 5 คนขับ AI จากแอปเรียกรถ Maxim
๑๗:๕๕ Well-Being House บ้านชั้นเดียวเอาใจคนวัยเกษียณ
๑๗:๑๖ กทม. แจงเปิดกว้างการแข่งขันโครงการเช่าคอมพิวเตอร์พกพาสำหรับนักเรียน
๑๖:๓๗ รายงาน Ericsson Mobility Report ฉบับล่าสุด เผยผู้เริ่มให้บริการ 5G กลุ่มแรกกำลังมุ่งสู่โมเดลธุรกิจที่เน้นประสิทธิภาพ
๑๗:๒๕ เมดีซ กรุ๊ป ร่วมสมทบทุนสนับสนุนมูลนิธิโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช ช่วยผู้ป่วยในชนบท ถิ่นทุรกันดารที่ห่างไกล
๑๖:๔๔ CNN จับตา นวัตกรรมล่าสุดจากนักวิจัยไทย พลิกโฉมการตรวจคัดกรองความเครียดด้วย เหงื่อ