นายบุญชัย เกียรติธนาวิทย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ธนชาต จำกัด เปิดเผยว่า ช่วงที่ผ่านมาตลาดการลงทุนมีความผันผวนจากการปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายสหรัฐ ที่ทำให้เงินดอลล่าห์สหรัฐแข็งค่าอย่างมีนัยยะ Bond Yield สหรัฐปรับขึ้น ทำให้กองทุนอสังหาฯ โลกได้รับผลกระทบอยู่บ้าง แต่จะพบว่าอัตราดอกเบี้ยภายในประเทศยังไม่มีสัญญานปรับขึ้นตาม เพราะเสถียรภาพทางเศรษฐกิจไทยในปัจจุบันนับว่าแข็งแกร่ง อาทิ เงินทุนสำรองระหว่างประเทศที่อยู่ในระดับสูงกว่า 2 แสนล้านดอลล่าร์ ดุลบัญชีเดินสะพัดยังคงเกินดุลต่อเนื่องเป็นปีที่ 5 หนี้ต่างประเทศและอัตราเงินเฟ้อก็ยังอยู่ในระดับต่ำ และสภาพคล่องยังสูง ทำให้คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ยังคงระดับอัตราดอกเบี้ยนโยบายของประเทศไว้ อีกทั้งปัจจัยสนับสนุนในเรื่องของสัญญาณการเลือกตั้งที่เริ่มชัดเจนขึ้น และการเตรียมพร้อมในการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานในโครงการระเบียงเขตเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) ซึ่งจะทำให้กองทุนอสังหาฯ ในไทยมีความน่าสนใจ
สำหรับทิศทางตลาดอสังหาฯ ไทยในปีนี้ บลจ.ธนชาต เชื่อว่ายังมีปัจจัยบวกหลายประการ 1) กำลังซื้อของประชาชนในภาคอสังหาริมทรัพย์ไตรมาส 2 ยังคงเติบโตต่อจากไตรมาส 1 ได้อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล นอกจากนั้น หน่วยงานภาครัฐ เอกชนได้ออกมาปรับประมาณการณ์ตัวเลขจีดีพีปี 2561 เติบโตได้มากกว่าร้อยละ 4 นักลงทุนชาวต่างชาติยังคงให้ความสนใจลงทุนอสังหาฯ ในไทย 2) การเช่าสำนักงาน ศูนย์การค้า และโรงแรมปรับตัวสูงขึ้น จากเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวขึ้น และนักท่องเที่ยวเพิ่มมากขึ้น 3) การเร่งลงทุนในโครงการพัฒนาพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ซึ่งคาดว่าจะมีผู้ลงทุนเข้ามาลงทุนในเมืองไทยจำนวนมาก ยิ่งตอกย้ำว่า ภาพอสังหาฯ ไทยยังคงน่าสนใจ โดยผลตอบแทนจากอัตราเงินปันผลจากกองทุนอสังหาฯ ในไทยเฉลี่ยอยู่ที่ 5.82% (ณ วันที่ 2 ก.ค 61, Bloomberg) ซึ่งยังสูงกว่าอัตราผลตอบแทนจากพันธบัตรรัฐบาลไทยอายุ 5 ปี ที่ให้ผลตอบแทนเฉลี่ยประมาณ 2.12% (ณ วันที่ 2 ก.ค. 61, Thai BMA)
นอกจาก กองทุนอสังหาฯ ในไทยจะน่าสนใจแล้ว สำหรับในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกก็ยังคงน่าลงทุนอยู่ เพราะอัตราเงินปันผลในตลาดอสังหาฯ เอเชียยังคงอยู่ในระดับสูง (Dividend Yield) อยู่ที่ 4.63% (ณ วันที่ 2 ก.ค 61, Bloomberg) และภูมิภาคเอเชียถือเป็นตลาดเกิดใหม่และมีขนาดเล็ก ทำให้มีโอกาสเติบโตได้สูงกว่าภูมิภาคอื่นๆ แม้อาจจะได้รับผลกระทบจากขึ้นดอกเบี้ยของเฟดอยู่บ้างก็ตาม
โดยปัจจุบัน บลจ.ธนชาต มีกองทุนที่ลงทุนในอสังหาริมทรัพย์อยู่ 3 กองทุน คือ 1) กองทุนเปิดธนชาตพร็อพเพอร์ตี้เซ็คเตอร์ฟันด์ (T-Property) ซึ่งลงทุนในอสังหาฯในไทย2) กองทุนเปิดธนชาตพร็อพเพอร์ตี้ แอนด์ อินฟรา-สตรัคเจอร์ เฟล็กซิเบิล (T-PropInfraFlex) ซึ่งลงทุนในอสังหาฯในไทย และ 3) กองทุนเปิดธนชาตเอเชี่ยนพร็อพเพอร์ตี้ (T-AsianProp) ซึ่งลงทุนในอสังหาฯ เอเชียแปซิฟิก โดยบริษัทได้จ่ายปันผลให้กับผู้ถือหน่วยลงทุนพร้อมกันทั้ง 3 กองทุน ในวันที่ 29 มิถุนายน 2561
สำหรับ กองทุนเปิดธนชาตพร็อพเพอร์ตี้เซ็คเตอร์ฟันด์ (T-Property) ปิดสมุดไปแล้วในวันที่ 15 มิถุนายน 61 และจ่ายปันผลเป็นครั้งที่ 13 ในวันที่ 29 มิถุนายน 61 ในอัตรา 0.1125 บาทต่อหน่วย ซึ่งที่ผ่านมาก็จ่ายอย่างต่อเนื่องในอัตราประมาณ 0.1-0.125 บาทต่อหน่วย ส่วนกองทุนเปิดธนชาตพร็อพเพอร์ตี้ แอนด์ อินฟราสตรัคเจอร์ เฟล็กซิเบิล (T-PropInfraFlex) ก็ปิดสมุดไปแล้วในวันที่ 15 มิถุนายน 61 เช่นกัน และจ่ายปันผลเป็นครั้งที่ 9 ในวันที่ 29 มิถุนายน 61 ในอัตรา 0.1125 บาทต่อหน่วย โดยอัตราเฉลี่ยที่ผ่านมาจ่ายที่ 0.1 บาทต่อหน่วย และกองทุนเปิดธนชาตเอเชี่ยน พร็อพเพอร์ตี้ (T-AsianProp) ได้ปิดสมุดไปแล้วในวันที่ 15 มิถุนายน 61 และจ่ายในวันที่ 29 มิถุนายน 61 ซึ่งเป็นการจ่ายปันผลเป็นครั้งที่ 3 ในอัตรา 0.25 บาทต่อหน่วย เท่ากับอัตราเฉลี่ยที่ผ่านมาทุกครั้ง
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมพร้อมขอรับหนังสือชี้ชวนได้ในวันและเวลาทำการเสนอขายที่ บลจ.ธนชาต โทรศัพท์ 0-2126-8399 กด 0 หรือ ธนาคารธนชาต จำกัด (มหาชน)โทร. 1770 หรือผู้สนับสนุนการขาย หรือรับซื้อคืนหน่วยลงทุนที่ บลจ.ธนชาต แต่งตั้ง www.thanachartfund.com
คำเตือน
- ผู้ลงทุนโปรดทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน
- ผลการดำเนินงานในอดีตของกองทุน มิได้เป็นสิงยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต
- กองทุนป้องกันความเสี่ยงตามดุลพินิจผู้จัดการกองทุน ผู้ลงทุนอาจขาดทุนหรือได้รับกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน/ หรือได้รับเงินคืนต่ำกว่าเงินลงทุนเริ่มแรกได้
- การลงทุนในหน่วยลงทุนมิใช่การฝากเงิน และมีความเสี่ยงของการลงทุน ผู้ถือหน่วยลงทุนอาจได้รับเงินลงทุน มากกว่าหรือน้อยกว่าเงินลงทุนเริ่มแรกได้
- เอกสารวัดผลการดำเนินงานของกองทุนรวมฉบับนี้ได้จัดทำขึ้นตามมาตรฐานการวัดผลการดำเนินงานของกองทุนรวมของสมาคมบริษัทจัดการกองทุน