ปัจจัยสนับสนุนอันดับเครดิต
การคงอันดับเครดิตภายในประเทศของ FNS สะท้อนถึงเครือข่ายทางธุรกิจที่ค่อนข้างจำกัดโดยธุรกิจวาณิชธนกิจยังคงเป็นธุรกิจหลักของบริษัท บริษัทมีการกระจายรายได้ที่ปรับตัวดีขึ้นจากการลงทุนในธุรกิจคลังสินค้าและโรงงานให้เช่าซึ่งเป็นธุรกิจที่มีรายได้ค่าเช่าที่ค่อนข้างสม่ำเสมอ
อันดับเครดิตสะท้อนถึงการคาดการณ์ของฟิทช์ว่าระดับหนี้สินและฐานะเงินทุนจะปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่องในระยะปานกลางสอดคล้องกับแผนการชำระคืนเงินกู้ของ FNS ในช่วงสองปีข้างหน้า ฐานะเงินทุนและระดับหนี้สินของ FNS ได้ ปรับตัวดีขึ้น โดยอัตราส่วนหนี้สินต่อกำไรก่อนหัก ดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย (Gross Debt/Adjusted EBITDA) ในปัจจุบันมีความผันผวนที่ลดลงเมื่อเทียบกับระดับก่อนปี 2558 อัตราส่วนสินทรัพย์ต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (Gross leverage ratio) ปรับตัวดีขึ้น แม้ว่าจำนวนหนี้สินยังคงสูงแต่กำไรสุทธิที่ผันผวนน้อยลงและแนวโน้มเศรษฐกิจที่ปรับตัวดีขึ้นน่าจะส่งผลให้บริษัทมีกำไรสะสมและฐานะเงินกองทุนแข็งแกร่งขึ้น
บริษัทอาจมีความเสี่ยงในการจัดหาแหล่งเงินกู้เพื่อทดแทนตราสารหนี้ที่ครบกำหนด (Refinancing Risk) เนื่องจากบริษัทมีการพึ่งพาตราสารหนี้ระยะสั้นถึงปานกลาง อย่างไรก็ตามฟิทช์เชื่อว่าความเสี่ยงดังกล่าวจะถูกลดทอนลงจากการที่บริษัทมีวงเงินสินเชื่อแบบผูกพัน (Committed Line) จากธนาคาร รวมทั้งกระแสเงินสดจากการดำเนินงานและฐานนักลงทุนในหุ้นกู้ของบริษัทที่ค่อนข้างมั่นคง
ปัจจัยที่อาจมีผลต่ออันดับเครดิตในอนาคต
ฟิทช์อาจทำการปรับเปลี่ยนอันดับเครดิตหากฟิทช์เชื่อว่าโครงสร้างความแข็งแรงทางการเงินของ FNS มีการเปลี่ยนแปลงไป ฟิทช์อาจปรับลดอันดับเครดิตของ FNS หากบริษัทมีผลการดำเนินงานที่แย่กว่าคาดการณ์จนส่งผลให้อัตราส่วนทางการเงินปรับตัวแย่ลงอย่างมีนัยสำคัญและต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งอัตราส่วนสภาพคล่องและหนี้สิน ฟิทช์อาจปรับลดอันดับเครดิตหากแผนการชำระหนี้ไม่เป็นไปตามแผนอันเนื่องมาจากระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ (risk appetite) ที่สูงขึ้น การดำเนินงานที่ขาดทุนอย่างมีนัยสำคัญหรือมีสัญญาณการปรับตัวลดลงของความเชื่อมั่นของเจ้าหนี้ต่อบริษัท
ฟิทช์อาจปรับเพิ่มอันดับเครดิตของ FNS หากบริษัทสามารถดำเนินการตามแผนการชำระคืนเงินกู้ได้สำเร็จพร้อมทั้งความสามารถในการทำกำไรปรับตัวดีขึ้นอย่างสม่ำเสมอส่งผลให้อัตราส่วนหนี้สินลดลงอย่างต่อเนื่อง